ผู้เขียน หัวข้อ: การผ่าตัดกระเพาะอาหารเพื่อลดน้ำหนัก (Bariatric Surgery) ปลอดภัยได้สุขภาพที่ดีขึ้  (อ่าน 127 ครั้ง)

siritidaphon

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 172
  • ประกาศขายสินค้าออนไลน์ ซื้อขายแลกเปลี่ยน
    • ดูรายละเอียด
การผ่าตัดกระเพาะอาหารเพื่อลดน้ำหนัก (Bariatric Surgery) ปลอดภัยได้สุขภาพที่ดีขึ้น

ผ่าตัดกระเพาะอาหารเพื่อลดน้ำหนัก (Bariatric Surgery) คือ การผ่าตัดเพื่อลดขนาดกระเพาะให้เล็กลง หรือเพื่อลดการดูดซึมของกระเพาะอาหาร ซึ่งสามารถเรียกได้ว่าเป็นการผ่าตัดเพื่อรักษาโรคอ้วน เพราะว่าในกระเพาะอาหารของเรามีฮอร์โมนชนิดหนึ่งที่ทำให้เกิดความอยากอาหาร เมื่อเราผ่าตัดลดขนาดกระเพาะลง ก็จะตัดส่วนที่มีฮอร์โมนชนิดนี้ออกไปด้วย และเมื่อฮอร์โมนนี้ลดลงก็จะส่งผลให้ความอยากอาหารลดลงไป


ใครสามารถทำการผ่าตัดกระเพาะเพื่อลดน้ำหนักได้บ้าง?

    ผู้ที่มีอายุมากกว่า 18 ปี
    ผู้ที่มีภาวะอ้วน คือค่า BMI มากกว่า 32.5
    ผู้ที่ลดความอ้วนด้วยวิธีอื่นแล้วไม่ได้ผล
    ผู้ที่ไม่มีข้อห้ามในการผ่าตัด หรือโรคทางจิตเวช

“การผ่าตัดกระเพาะอาหารเพื่อลดน้ำหนัก ถือว่าเป็นวิธีที่เหมาะสมในการที่จะได้ผลการรักษาออกมาดี เพื่อการทำให้มีสุขภาพที่ดีขึ้น ทั้งนี้แพทย์จะวินิจฉัยอาการของผู้รับบริการว่ามีความพร้อมและปลอดภัยพอสำหรับการผ่าตัดหรือไม่ เพื่อผลที่ได้นั้นจะมีประสิทธิภาพ โดยไม่มีโรคหรืออาการแทรกซ้อนแต่อย่างใดที่ต้องกังวล”
ทำความรู้จักกับคำว่า “โรคอ้วน” ว่าที่แท้… คืออะไร ?

โรคอ้วน (Morbid Obesity หรือ Adiposity-based chronic disease : ABCD) คือ สภาวะทางการแพทย์ที่มีการสะสมไขมันในร่างกายมากถึงขนาดที่อาจส่งผลเสียต่อสุขภาพได้สูงมาก ซึ่งทำให้มีอายุสั้นลง มีปัญหาสุขภาพและเสี่ยงต่อโรคแทรกซ้อนต่างๆ โดยการวินิจฉัยโรคอ้วนนั้นแพทย์จะพิจารณาจากการคำนวณค่าดัชนีมวลกาย (Body mass index : BMI) ซึ่งคำนวณได้โดยใช้ “น้ำหนักตัว” (หน่วยเป็นกิโลกรัม) หารด้วยส่วนสูง (หน่วยเป็นเมตร) ยกกำลังสอง ตามสูตร BMI = weight (Kg)

เกณฑ์ดัชนีมวลกาย (BMI) และการประเมินผล

น้อยกว่า 18          น้ำหนักต่ำกว่าเกณฑ์ปกติ
18.5 – 22.9    สมส่วน
23.0 – 24.9    น้ำหนักเกิน
25.0 – 29.9    โรคอ้วน
มากกว่า 30 ขึ้นไป    โรคอ้วนอันตราย

ตัวอย่างการคำนวณ BMI
นายสมชาย อายุ 35 ปี มีน้ำหนักตัว 62 กิโลกรัม ส่วนสูง 170 เซนติเมตร กับนางสาวสมหญิง อายุ 28 ปี มีน้ำหนักตัว 55 กิโลกรัม ส่วนสูง 155 เซนติเมตร ถามว่าใครมีค่าดัชนีมวลกายดีเหมาะสมกว่ากัน

นายสมชาย :       BMI 62 กิโลกรัม / [(1.70 x 1.70) เมตร] = 21.45
นางสาวสมหญิง : BMI 55 กิโลกรัม / [(1.55 x 1.55) เมตร] = 22.89

สรุปว่า นายสมชายมีร่างกายสมส่วนเช่นเดียวกับนางสาวสมหญิง มีโอกาสการเกิดโรคแทรกซ้อนในระดับน้อยที่สุด

สาเหตุที่ทำให้เกิดโรคอ้วนมีอะไรบ้าง?

    พันธุกรรม
    พฤติกรรมการรับประทานอาหาร
    พฤติกรรมการออกกำลังกาย
    อายุและเพศ
    ความผิดปกติของสภาพอารมณ์และจิตใจ
    โรคและยาบางชนิด

ผลของโรคอ้วนต่อรางกาย

    โรคเบาหวานชนิดที่ 2
    โรคความดันโลหิตสูง
    โรคไขมันในเลือดสูง
    โรคหัวใจ โดยเฉพาะโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ
    ภาวะไขมันพอกตับ และโรคตับอักเสบจากไขมันพอกตับ
    ภาวะการนอนกรน และการหยุดหายใจในขณะนอนหลับ
    โรคข้อกระดูกเสื่อม
    ภาวะการมีบุตรยาก
    โรคมะเร็งบางชนิด


การอ่านค่า BMI อย่างละเอียด

BMI < 18.5 สภาวะ “น้ำหนักต่ำกว่าเกณฑ์”
เป็นผู้ที่มีค่า BMI อยู่ในเกณฑ์ระดับต่ำกว่ามาตรฐาน มีภาวะความเสี่ยงสูงที่ร่างกายจะขาดสารอาหาร ทำให้อ่อนเพลียง่าย ภูมิคุ้มกันต่ำ การออกกำลังกายควบคู่กับการรับประทานอาหารโปรตีนสูงจะช่วยทำให้กล้ามเนื้อแข็งแรงและมีสารอาหารเพียงพอต่อการซ่อมแซมการทำงานของอวัยวะต่างๆ

BMI 18.5 – 22.9
เป็นผู้ที่มีค่า BMI อยู่ในเกณฑ์ระดับมาตรฐาน จะมีภาวะเสี่ยงต่อโรคแทรกซ้อนจากโรคอ้วนได้น้อยที่สุด ควรรักษาความสุมดลของค่า BMI ระดับนี้ไว้อย่างสม่ำเสมอ โดยคำนวณค่า BMI จากการตรวจสุขภาพประจำปีทุกครั้ง

BMI 23.0 – 24.9 สภาวะ “น้ำหนักเกินมาตรฐาน”
เป็นผู้ที่มีค่า BMI อยู่ในเกณฑ์ระดับเกินตามมาตรฐาน มีภาวะความเสี่ยงในการเกิดโรคแทรกซ้อนที่เกิดจากโรคอ้วนได้ ควรควบคุมปริมาณไขมันในร่างกายด้วยการเลือกทานอาหารที่มีโปรตีนสูง หมั่นออกกำลังกายและพักผ่อนให้เพียงพอ เพิ่มกิจวัตรประจำวันที่ใช้พลังงานสูงเพื่อลดระดับไขมันให้กลับมาอยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน

BMI 25.0 – 29.9 สภาวะ “อ้วน”
เป็นผู้ที่มีค่า BMI อยู่ในเกณฑ์ระดับเกินตามมาตรฐานมาก มีภาวะความเสี่ยงในการเกิดโรคแทรกซ้อนที่เกิดจากโรคอ้วนได้สูง ควรควบคุมปริมาณไขมันในร่างกายแบบเร่งด่วนด้วยการปรับเปลี่ยนวิถีการกินที่เน้นสุขภาพให้มากขึ้น พร้อมออกกำลังกายเป็นประจำ และงดทานของจุบจิบ ดื่มน้ำให้ได้อย่างต่ำวันละ 8 แก้ว พักผ่อนให้เพียงพอ และติดตามค่า BMI อย่างสม่ำเสมอในช่วงควบคุมน้ำหนัก

BMI 30.0 > สภาวะ “อ้วนมาก”
เป็นผู้ที่มีค่า BMI อยู่ในเกณฑ์ระดับสูงเกินตามมาตรฐานมาก มีภาวะความเสี่ยงที่เกิดโรคแทรกซ้อนที่เกิดจากโรคอ้วนได้สูงที่สุด ควรพบแพทย์เพื่อรับยาในการควบคุมปริมาณน้ำตาลในเลือด พร้อมปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกินให้เป็นอาหารสุขภาพ ทานไขมันให้น้อยลง และหมั่นออกกำลังกายสม่ำเสมอ พักผ่อนให้เพียงพอ ดื่มน้ำให้ได้อย่างน้อยวันละ 10-12 แก้ว และติดตามค่า BMI อย่างสม่ำเสมอในช่วงควบคุมน้ำหนัก


ข้อจำกัดของค่า BMI

เนื่องจากการคำนวณดัชนีมวลกายเพื่อหาความสัมพันธ์เกี่ยวกับปริมาณไขมันในมวลร่างกายของผู้ใช้บริการนั้นมีข้อจำกัดทางด้านเพศ อายุ รวมถึงปริมาณกล้ามเนื้อของบุคคลบางกลุ่ม ที่ทำให้ผลการคำนวณค่า BMI มีผลที่แตกต่างออกไป ดังต่อไปนี้

    การคำนวณ BMI ผู้หญิง มีแนวโน้มที่ปริมาณไขมันในร่างกายจะสูงกว่าผู้ชาย เนื่องจากฮอร์โมนเพศหญิงช่วยเร่งสารอาหารให้เป็นไขมันได้ง่ายกว่าผู้ชาย ซึ่งทำให้การคำนวณดัชนีมวลกายผู้ชายในการตรวจดูไขมันอาจพบแค่ 15% ในขณะผู้หญิงพบได้ถึง 25% ของมวลไขมันทั้งหมด
    ผู้ที่อายุมากกว่า มีโอกาสสูงที่ปริมาณไขมันสะสมมากกว่าผู้ที่อายุน้อยกว่า
    นักกีฬาที่ได้รับการฝึกฝนร่างกายทางกายภาพสูง จะมีผลการคำนวณค่า BMI ที่มีมวลกล้ามเนื้อสูงกว่าปริมาณไขมันในองค์ประกอบร่างกายมากกว่าคนทั่วไป


เหตุใดการลดน้ำหนักโดยวิธีทั่วไปจึงไม่ได้ผล

ในความเป็นจริงแล้วการลดน้ำหนักโดยการออกกำลังกายอย่างมีวินัยและควบคุมพฤติกรรมการกินนั้นเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด อย่างไรก็ตาม จากการวิจัยพบว่าคนส่วนใหญ่จะลดน้ำหนักได้เพียงแค่ 5–10 % ของน้ำหนักตัวเท่านั้น เพราะว่าร่างกายของเราจะเริ่มปรับสภาพตัวเองให้อยู่ในสภาพเสมือนอดอาหาร ทำให้การควบคุมอาหารนั้นไม่ได้ผล บางรายถึงกับเสียสุขภาพเนื่องจากมีการควบคุมอาหารและออกกำลังกายหนักมากเกินไป และยิ่งกว่านั้น ในจำนวนของผู้ที่ลดน้ำหนักจากการออกกำลังกายและควบคุมอาหารนี้ พบว่ากว่า 50 % น้ำหนักจะกลับขึ้นมาใหม่ภายในเวลาเพียง 2 ปี

และสำหรับผู้ที่มีน้ำหนักตัวมากๆ การออกกำลังกายเหมือนคนทั่วไปนั้นก็เป็นไปได้ยาก เพราะนอกจากจะเหนื่อยง่ายแล้ว การออกกำลังกายของผู้ที่มีน้ำหนักมากยังเสี่ยงต่อการบาดเจ็บได้มากกว่า ดังนั้นสิ่งสำคัญที่สุดในการที่จะลดน้ำหนักได้อย่างเหมาะสมและปลอดภัย จำเป็นต้องปรึกษาแพทย์เฉพาะทางที่มีความเชี่ยวชาญและประสบการณ์โดยตรง เพื่อวางแผนการรักษาให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุด และมีการติดตามการรักษาอย่างต่อเนื่อง


ประโยชน์จากการรักษาโรคอ้วนโดยการผ่าตัดกระเพาะอาหาร

กรณีที่ไม่สามารถลดน้ำหนักได้ด้วยวิธีปกติ การผ่าตัดเพื่อลดน้ำหนักถือเป็นหนึ่งทางเลือกที่มีความปลอดภัย วิธีนี้เป็นวิธีที่ได้มาตรฐานสากลทางการแพทย์ และถือเป็นจุดเริ่มต้นให้ผู้ป่วยโรคอ้วนสามารถลดน้ำหนักลงมาได้ โดยหลังการผ่าตัดผู้ป่วยจะสามารถควบคุมน้ำหนักได้โดยง่าย ทั้งการออกกำลังกายและควบคุมการพฤติกรรมการทานอาหาร โดยทางโรงพยาบาลมีทีมแพทย์เฉพาะทางที่พร้อมให้คำปรึกษาและวางแผนการรักษาเพื่อประสิทธิภาพและผลการรักษาที่ดีในระยะยาว ซึ่งโดยปกติ การผ่าตัดลดขนาดกระเพาะจะทำให้ผู้ป่วยจะสามารถลดน้ำหนักลงได้เฉลี่ยประมาณ 1-2 กิโลกรัมต่อสัปดาห์ในช่วงแรก และกลับมาออกกำลังได้ตามปกติภายใน 1 เดือน และเมื่อลดน้ำหนักลงมาได้แล้ว โรคประจำตัวที่มีอยู่ก็อาจจะดีขึ้นหรือหายเป็นปกติได้

การผ่าตัดลดน้ำหนักมีวิธีการอย่างไร?

การผ่าตัดลดกระเพาะเพื่อลดน้ำหนัก แบ่งออกเป็น 2 วิธีหลักด้วยกัน ได้แก่

1. การผ่าตัดลดขนาดกระเพาะอาหารผ่านกล้อง
(Laparoscopic Sleeve Gastrectomy : LSG)
คือการผ่าตัดผ่านกล้องโดยใช้อุปกรณ์เครื่องมือตัดเย็บลำไส้อัตโนมัติ ทำการผ่าตัดกระเพาะอาหารให้เล็กลง เหลือเป็นลักษณะท่อยาวคล้ายแขนเสื้อ ซึ่งจะช่วยจำกัดปริมาณอาหารที่รับประทานได้ในแต่ละมื้อ และลดฮอร์โมนควบคุมความอยากอาหารซึ่งผลิตจากกระเพาะอาหารส่วนที่ตัดออกไป

2. การผ่าตัดบายพาสกระเพาะอาหารผ่านกล้อง
(Laparoscopic Roux-en-Y Gastric Bypass : LRYGB)
คือการผ่าตัดผ่านกล้องโดยใช้อุปกรณ์เครื่องมือตัดเย็บลำไส้อัตโนมัติ ทำการผ่าตัดแบ่งกระเพาะอาหารให้มีส่วนที่รับอาหารเล็กลง และเชื่อมต่อกับลำไส้เล็กส่วนกลาง จึงช่วยจำกัดทิ้งปริมาณอาหารที่รับประทาน และช่วยลดการดูดซึมของสารอาหาร รวมทั้งลดการกระตุ้นการหลั่งฮอร์โมนควบคุมความอยากอาหารอีกด้วย

 






















































รวมเว็บลงประกาศฟรี ล่าสุด
รวมเว็บประกาศฟรี
โพสต์ขายของฟรี
ลงโฆษณาสินค้าฟรี
โฆษณาฟรี
ประกาศฟรี
เว็บฟรีไม่จำกัด
ทำ SEO ติด Google
ลงประกาศขาย
เว็บฟรียอดนิยม
โพสโฆษณา
ประกาศขายของ
ประกาศหางาน
บริการ แนะนำเว็บ
ลงประกาศ
รวมเว็บประกาศฟรี
รวมเว็บซื้อขาย ใช้งานง่าย
ลงประกาศฟรี ทุกจังหวัด
ต้องการขาย
ปล่อยเช่า บ้าน คอนโด ที่ดิน
ขายบ้าน คอนโด ที่ดิน
ประกาศฟรี ไม่มี หมดอายุ
เว็บประกาศฟรี ติดอันดับ
ฝากร้านฟรี โพ ส ฟรี
ลงประกาศฟรี กรุงเทพ
ลงประกาศฟรี ทั่วไทย
ลงประกาศโฆษณาฟรี
ลงประกาศฟรี 2023
รวมเว็บลงประกาศฟรี

รวม SMFขายสินค้า
ประกาศฟรีออนไลน์
ลงประกาศ สินค้า
เว็บบอร์ด โพสต์ฟรี
ลงประกาศ ซื้อ-ขาย ฟรี
ชุมชนคนไอทีขายสินค้า
ลงประกาศฟรีใหม่ๆ 2023
โปรโมทธุรกิจฟรี
โปรโมทสินค้าฟรี
แจกฟรี รายชื่อเว็บลงประกาศฟรี
โปรโมท Social
โปรโมท youtube
แจกฟรี รายชื่อเว็บ
แจกฟรีโพสเว็บบอร์ดsmf
เว็บบอร์ดsmfโพสฟรี
รายชื่อเว็บบอร์ดขายสินค้าฟรี
ลงประกาศฟรี เว็บบอร์ด
เว็บบอร์ดขายสินค้าฟรี
ฟรี เว็บบอร์ด แรงๆ
โพสขายสินค้าตรงกลุ่มเป้าหมาย
โฆษณาเลื่อนประกาศได้
ขายของออนไลน์
แนะนำ 6 วิธีขายของออนไลน์
อยากขายของออนไลน์
เริ่มต้นขายของออนไลน์
ขายของออนไลน์ เริ่มยังไง
ชี้ช่องขายของออนไลน์
การขายของออนไลน์
สร้างเว็บฟรีประกาศ

smf โพสฟรี
smf ขายของออนไลน์อะไรดี
smf โพสฟรี
อยากขายของออนไลน์ smf
ขายของออนไลน์ยังไงให้มีคนซื้อ
smf เริ่มต้นขายของออนไลน์
ไอ เดีย การขายของออนไลน์
เว็บขายของออนไลน์
เริ่ม ขายของออนไลน์ โพสฟรี
smf ขายของออนไลน์ที่ไหนดี
เทคนิคการโพสต์ขายของ
smf โพสต์ขายของให้ยอดขายปัง
โพสต์ขายของให้ยอดขายปังโพสฟรี
smf ขายของในกลุ่มซื้อขายสินค้า
โพสขายของยังไงให้มีคนซื้อ
smf โพสขายของแบบไหนดี
โพสฟรีแคปชั่นโพสขายของยังไงให้ปัง
smf แคปชั่นแม่ค้าออนไลน์
แคปชั่นแม่ค้าออนไลน์ โพสฟรี
ขายของให้ออร์เดอร์เข้ารัว ๆ
smf โพสต์เรียกลูกค้า
โพสต์เรียกลูกค้าโพสฟรี
smf ขายของออนไลน์ให้ปัง
smf โพสต์ขายของ
smf เขียนโพสขายของโดนๆ
แคปชั่นเปิดร้าน โพสฟรี
smf วิธีโพสขายของให้น่าสนใจ
วิธีเพิ่มยอดขาย โพสฟรี
smf เทคนิคเพิ่มยอดขาย

เพิ่มยอดขายให้เข้าเป้า
เว็บบอร์ดฟรี
โปรโมทฟรี
มีลูกค้าเพิ่ม - YouTube
ผลักดันยอดขายโปรโมทฟรี
โปรโมทผลักดันยอดขาย
โปรโมทแผนการเพิ่มยอดขายให้ได้ผล
โปรโมทวิธีการวางแผนการเพิ่มยอดขาย
ยอดขายไม่ดีควรทำอย่างไร
ยอดขายตกเกิดจากอะไร
ทำไมต้องเพิ่มยอดขาย
ขายฟรี
ยอดการขาย คืออะไร
กลยุทธ์เพิ่มยอดขาย
โพสฟรีการกระตุ้นยอดขาย
โปรโมทกระตุ้นยอดขาย
โปรโมทฟรีออนไลน์กระตุ้นยอดขาย
ประกาศฟรีเพิ่มยอดขาย
ลงประกาศเพิ่มยอดขาย
ฝากร้านฟรีเพิ่มยอดขาย
ลงประกาศฟรีใหม่ ๆ เพิ่มยอดขาย
เว็บประกาศฟรีเพิ่มยอดขาย
Post ฟรี
ประกาศขายของฟรี
ประกาศฟรี
โพส SEO
ลงโฆษณาฟรี
โปรโมทเพจร้านค้า