แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Messages - siritidaphon

หน้า: [1] 2 3 ... 25
1
โพสฟรี / หมอประจำบ้าน: จมน้ำ (Drowning)
« เมื่อ: วันนี้ เวลา 17:04:59 »
หมอประจำบ้าน: จมน้ำ (Drowning)

จมน้ำ เป็นภาวะที่พบได้บ่อยและมีความรุนแรง มักจะทำให้ตายในเวลาเพียงไม่กี่นาที

สาเหตุ

มักเกิดกับเด็กเล็กและผู้ที่ว่ายน้ำไม่เป็น อาจเกิดจากการตกน้ำทั้งในแหล่งน้ำธรรมชาติ และภาชนะกักเก็บน้ำภายในบ้าน จมน้ำจากอุบัติเหตุ เช่น เรือคว่ำ เรือชน เมาเหล้า โรคลมชัก โรคหัวใจวาย เป็นลม เป็นต้น

อาการ

ผู้ที่จมน้ำมักจะมีอาการหมดสติ และหยุดหายใจ บางรายอาจมีภาวะหัวใจหยุดเต้น (คลำชีพจรไม่ได้) ร่วมด้วย

ถ้าไม่ถึงกับหมดสติ ก็อาจมีอาการปวดศีรษะ เจ็บหน้าอก อาเจียน กระวนกระวาย หรือไอมีฟองเลือดเรื่อ ๆ (ซึ่งแสดงว่ามีภาวะปอดบวมน้ำ)

บางรายอาจตรวจพบภาวะหัวใจเต้นเร็วผิดปกติ หัวใจเต้นผิดจังหวะ ความดันต่ำหรือภาวะช็อก


ภาวะแทรกซ้อน

ผู้ที่จมน้ำมักจะตายเนื่องจากขาดอากาศหายใจเพราะสำลักน้ำ บางรายอาจตายเนื่องจากภาวะเกร็งของกล่องเสียง (laryngospasm) ทำให้หายใจไม่ได้ สาเหตุเหล่านี้มักจะทำให้ผู้ที่จมน้ำตายภายใน 5-10 นาที

ผู้ที่จมน้ำถึงแม้จะรอดมาได้ในระยะแรก แต่ก็อาจจะตายเนื่องจากภาวะแทรกซ้อนในภายหลังได้ เช่น ปอดอักเสบ การเปลี่ยนแปลงของระดับเกลือแร่ในร่างกาย ภาวะเลือดเป็นกรด ภาวะปอดบวมน้ำ (pulmonary edema) ภาวะปอดไม่ทำงาน (ปอดล้ม ปอดวาย) เป็นต้น

ในรายที่ขาดอากาศหายใจเป็นเวลานาน อาจเป็นสมองพิการได้

ภาวะเหล่านี้มักเกิดขึ้นไม่ต่างกันมากนัก ทั้งในพวกที่จมน้ำจืด (แม่น้ำ ลำคลอง บ่อ สระน้ำ) และพวกที่จมน้ำทะเล รวมทั้งอาการแสดงและการรักษาก็ไม่ต่างกันมาก

ข้อแตกต่าง คือ น้ำจืดจะมีความเข้มข้นน้อยกว่าเลือด (พลาสมา) ดังนั้น ถ้ามีน้ำอยู่ในปอดจำนวนมากก็จะถูกดูดซึมเข้ากระแสเลือดทันที ทำให้ปริมาตรของเลือดที่ไหลเวียนเพิ่มจากเดิม (hypervolemia) มีผลทำให้ระดับเกลือแร่ (เช่น โซเดียม โพแทสเซียม) ในเลือดลดลง ซึ่งอาจทำให้หัวใจเต้นผิดจังหวะหรือหัวใจวายได้ นอกจากนี้ ยังอาจเกิดภาวะเม็ดเลือดแดงแตก (hemolysis) ได้อีกด้วย

ส่วนน้ำทะเลจะมีความเข้มข้นมากกว่าเลือด น้ำทะเลที่สำลักอยู่ในปอดจะดูดซึมน้ำเลือด (พลาสมา) จากกระแสเลือดเข้าไปในปอด ทำให้เกิดภาวะปอดบวมน้ำ (pulmonary edema) ระบบไหลเวียนมีปริมาตรลดลง (hypovolemia) และระดับเกลือแร่ในเลือดเพิ่มสูงขึ้น ทำให้หัวใจเต้นผิดปกติหัวใจวาย หรือเกิดภาวะช็อกได้

แต่อย่างไรก็ตาม ผู้ที่จมน้ำมักตายเนื่องจากขาดอากาศหายใจมากกว่าการเปลี่ยนแปลงของระดับเกลือแร่และปริมาตรของเลือด


การวินิจฉัย

แพทย์จะวินิจฉัยจากอาการและสิ่งตรวจพบ

ในรายที่สงสัยมีภาวะแทรกซ้อน แพทย์จะทำการตรวจเพิ่มเติม เช่น ตรวจเลือด เอกซเรย์ เป็นต้น


การรักษาโดยแพทย์

แพทย์จะรับผู้ป่วยไว้รักษาในโรงพยาบาลทุกราย ไม่ว่าจะมีอาการหนักเบาเพียงใด เพื่อเฝ้าสังเกตอาการ และหาทางป้องกันและแก้ไขภาวะแทรกซ้อนที่เกิดขึ้น

มักจะทำการเจาะเลือดตรวจระดับแก๊สในเลือด และตรวจหาความเข้มข้นของเกลือแร่ เอกซเรย์ดูว่ามีการอักเสบของปอดหรือปอดแฟบหรือไม่ หรือตรวจพิเศษอื่น ๆ

การรักษา ให้ออกซิเจน ต่อเครื่องช่วยหายใจ ให้น้ำเกลือ พลาสมาหรือเลือด

ถ้ามีภาวะหัวใจวายก็จะให้ยาขับปัสสาวะและยารักษาโรคหัวใจ (เช่น ไดจอกซิน)

ถ้ามีปอดอักเสบ จะให้ยาปฏิชีวนะและสเตียรอยด์


การดูแลตนเอง

เมื่อพบผู้ป่วยจมน้ำ ควรทำการปฐมพยาบาล และรีบพาผู้ป่วยไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาลทันที


การปฐมพยาบาล

การช่วยเหลือผู้ที่จมน้ำอย่างถูกต้องก่อนส่งไปโรงพยาบาล มีผลต่อความเป็นความตายของผู้ป่วยมาก ควรแนะนำวิธีปฐมพยาบาลดังนี้

1. ถ้าผู้ป่วยหยุดหายใจ ให้ทำการเป่าปากช่วยหายใจทันที อย่ามัวเสียเวลาในการพยายามนำน้ำออกจากปอดของผู้ป่วย (เช่น การจับแบกพาดบ่า) หรือทำการผายปอดด้วยวิธีอื่น เพราะจะไม่ทันการและไม่ได้ผล

ถ้าเป็นไปได้ ควรลงมือเป่าปาก ตั้งแต่ก่อนขึ้นฝั่ง เช่น หลังจากพาขึ้นบนเรือ หรือพาเข้าที่ตื้น ๆ ได้เเล้ว

เมื่อขึ้นบนฝั่งแล้ว ให้ทำการผายปอดด้วยการเป่าปากต่อไป จนกว่าผู้ป่วยจะหายใจได้เอง หรือพาไปส่งถึงโรงพยาบาลแล้ว

วิธีการเป่าปากโดยละเอียด อ่านเพิ่มเติมใน "อาการหมดสติ"

เมื่อเริ่มเป่าปากสักพัก ถ้าหากรู้สึกว่าลมเข้าปอดได้ไม่เต็มที่เนื่องจากมีน้ำอยู่เต็มท้อง อาจจับผู้ป่วยนอนคว่ำแล้วใช้มือ 2 ข้างวางอยู่ใต้ท้องผู้ป่วย ยกท้องผู้ป่วยขึ้น จะช่วยไล่น้ำออกจากท้องให้ไหลออกทางปากได้ แล้วจับผู้ป่วยพลิกหงายและทำการเป่าปากต่อไป

2. ถ้าคลำชีพจรไม่ได้ หรือหัวใจหยุดเต้น ให้ทำการนวดหัวใจทันที (วิธีนวดหัวใจอ่านเพิ่มเติมใน "อาการหมดสติ")

3. ถ้าผู้ป่วยยังหายใจได้เอง หรือช่วยเหลือจนหายใจได้แล้ว ควรจับผู้ป่วยนอนตะแคงข้าง และศีรษะหงายไปข้างหลัง เพื่อให้น้ำไหลออกทางปาก ใช้ผ้าห่มคลุมผู้ป่วยเพื่อให้เกิดความอบอุ่น อย่าให้ผู้ป่วยกินอาหารและดื่มน้ำทางปาก

4. ควรส่งผู้ป่วยที่จมน้ำไม่ว่าจะมีอาการหนักเบาเพียงใด ไปพักรักษาตัวที่โรงพยาบาลทุกราย

ในรายที่หมดสติและหยุดหายใจ ควรผายปอดด้วยวิธีเป่าปากไปตลอดทาง อย่าเพิ่งรู้สึกหมดหวังแล้วหยุดให้การช่วยเหลือ (เคยพบว่าการเป่าปากนานเป็นชั่วโมง ๆ สามารถช่วยให้ผู้ป่วยรอดและหายขาด โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าจมน้ำที่มีความเย็น อุณหภูมิต่ำกว่า 70 องศาฟาเรนไฮต์ หรือ 21.1 องศาเซลเซียส)


การป้องกัน

1. ระวังอย่าให้เด็กเล็กเล่นน้ำหรืออยู่ในบริเวณใกล้กับน้ำ เช่น แม่น้ำลำคลอง บ่อน้ำ สระน้ำ รวมทั้งโอ่งน้ำ ถังใส่น้ำ ภาชนะกักเก็บน้ำภายในบ้านตามลำพัง

2. ควรส่งเสริมให้เด็กฝึกว่ายน้ำให้เป็น

3. เวลาลงเรือหรือออกทะเล ควรเตรียมชูชีพไว้ให้พร้อมเสมอ

4. ผู้ที่เมาเหล้า หรือเป็นโรคลมชัก ห้ามลงเล่นน้ำ


ข้อแนะนำ

1. วิธีผายปอดแก่ผู้ป่วยจมน้ำที่แนะนำในปัจจุบัน คือ วิธีการเป่าปาก และให้ลงมือทำให้เร็วที่สุด อย่าเสียเวลาในการจับแบกพาดบ่าเพื่อเอาน้ำออกจากปอดดังที่เคยแนะนำกันในสมัยก่อน

2. ผู้ป่วยที่จมน้ำทุกรายไม่ว่าจะหมดสติหรือหยุดหายใจหรือไม่ก็ตาม ควรพักรักษาตัวในโรงพยาบาลอย่างน้อย 24-72 ชั่วโมง เพื่อเฝ้าระวังภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นในเวลาต่อมา

2
เคล็ดลับการแต่งบ้าน และของตกแต่งบ้านมินิมอลให้สวยหรูดูดี 

การแต่งบ้านสไตล์ มินิมอล (Minimalist) ให้สวยหรูดูดีนั้น ไม่ใช่เพียงแค่การลดทอนสิ่งของให้เหลือน้อยที่สุด แต่เป็นการ คัดสรร อย่างพิถีพิถัน เน้น คุณภาพ วัสดุ และ ดีไซน์ ที่เรียบง่ายแต่แฝงไว้ด้วยความประณีต เพื่อสร้างบรรยากาศที่สงบ สะอาดตา และหรูหราในแบบที่สัมผัสได้ค่ะ ลองมาดูเคล็ดลับและเทคนิคการเลือกของตกแต่งกันค่ะ

หลักการสำคัญของการแต่งบ้านมินิมอลให้ "สวยหรูดูดี"

น้อยแต่มาก (Less is More, but Better): ลดทอนปริมาณ แต่เพิ่มคุณภาพของแต่ละชิ้น เลือกเฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งที่จำเป็นจริงๆ แต่เป็นชิ้นที่ดีที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้

คุณภาพของวัสดุ (Material Matters): เน้นใช้วัสดุธรรมชาติที่มีคุณภาพสูง หรือวัสดุสังเคราะห์ที่ให้สัมผัสและรูปลักษณ์ที่ดูดี เช่น ไม้เนื้อแข็ง หินอ่อน โลหะคุณภาพดี (สเตนเลสสตีล ทองเหลือง) แก้ว หรือผ้าธรรมชาติอย่างลินิน ผ้าฝ้ายคุณภาพสูง

เส้นสายสะอาดตา (Clean Lines): รูปทรงของเฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งต้องเรียบง่าย ชัดเจน ไม่มีรายละเอียดฟุ่มเฟือย เน้นความสมมาตรและความสมดุล

โทนสีสุขุม (Sophisticated Palette): ใช้สีกลางๆ ที่ให้ความรู้สึกหรูหรา เช่น สีขาวนวล (Off-white), สีเทาอ่อนถึงเทาเข้ม, สีเบจ, สีน้ำตาลของไม้ธรรมชาติ, หรือดำ โดยอาจมีสีเน้น (Accent Color) เพียงเล็กน้อยที่มาจากวัสดุ เช่น ทองเหลือง ทองแดง หรือสีเขียวเข้มจากต้นไม้

การจัดระเบียบที่ไร้ที่ติ: บ้านสไตล์นี้ต้องเป็นระเบียบเรียบร้อยอยู่เสมอ ไม่มีของวางเกะกะ เพื่อขับเน้นความสวยงามของพื้นที่และของแต่ละชิ้น

ไอเดียและเทคนิคการเลือกของตกแต่งบ้านมินิมอลให้ "สวยหรูดูดี"

1. เฟอร์นิเจอร์หลัก: เน้นคุณภาพและความทนทาน

โซฟา: เลือกโซฟาทรงเรียบง่าย คัตติ้งเนี้ยบ หุ้มด้วยผ้าลินิน ผ้าฝ้าย หรือหนังคุณภาพดี สีขาวนวล เทาอ่อน หรือเบจ

โต๊ะกลาง/โต๊ะข้าง: เลือกวัสดุเช่น หินอ่อน ไม้เนื้อแข็ง (เช่น ไม้วอลนัท ไม้โอ๊ค) หรือ โลหะดีไซน์บางเบา

เตียงนอน: ฐานเตียงเรียบง่าย ไม่มีหัวเตียงที่ซับซ้อน หรืออาจเลือกหัวเตียงบุผ้า/หนังสีพื้น


2. โคมไฟ: แสงคือองค์ประกอบสำคัญ

ทำไมถึงสวยหรู: โคมไฟไม่ใช่แค่ให้แสงสว่าง แต่ยังเป็นประติมากรรมในตัวเอง และช่วยสร้างบรรยากาศ

เทคนิคการเลือก:

วัสดุ: เลือกโคมไฟที่ทำจาก โลหะ (ทองเหลืองรมดำ, สเตนเลสสตีลเงา/ด้าน) แก้วโอปอล หินอ่อน หรือ เซรามิก ดีไซน์เรียบหรู

รูปทรง: โคมไฟตั้งพื้นทรงสูงเพรียว, โคมไฟตั้งโต๊ะที่มีฐานเป็นทรงเรขาคณิตที่ดูมั่นคง

แสง: เลือกใช้หลอดไฟ Warm White เพื่อให้แสงที่อบอุ่นและนุ่มนวล


3. แจกัน: สร้างจุดสนใจที่ละเอียดอ่อน

ทำไมถึงสวยหรู: แจกันที่ถูกเลือกมาอย่างดี สามารถยกระดับพื้นที่ได้ทันที แม้จะไม่มีดอกไม้ก็ตาม

เทคนิคการเลือก:

วัสดุ: เลือก เซรามิกคุณภาพสูง ผิวด้านเรียบเนียน (Matte Finish) หรือเคลือบเงาแต่ไม่ฉูดฉาด, แก้วใส รูปทรงแปลกตาเล็กน้อย, หรือ โลหะ สีทองเหลือง ทองแดง

รูปทรง: เน้นรูปทรงที่เรียบง่าย แต่มีเอกลักษณ์ อาจเป็นทรงเรขาคณิต ทรงขวด หรือทรงฟรีฟอร์มที่มีความโค้งมนสง่างาม

การจัดวาง: ใส่ดอกไม้เพียง 1-2 ดอก เช่น กล้วยไม้ กุหลาบ หรือกิ่งไม้แห้งดีไซน์เก๋ๆ


4. งานศิลปะ/กรอบรูป: น้อยแต่มีความหมาย

ทำไมถึงสวยหรู: งานศิลปะเพียงชิ้นเดียวที่ถูกเลือกมาอย่างดี สามารถสร้างจุดโฟกัสและเพิ่มบุคลิกให้กับห้องได้อย่างทรงพลัง

เทคนิคการเลือก:

ภาพ: เลือกภาพ Abstract ที่เน้นเส้นสาย สี หรือรูปทรงที่เรียบง่าย, ภาพวาดเส้น (Line Art), ภาพถ่ายขาวดำ, หรือภาพวิวธรรมชาติที่สงบ

กรอบ: ใช้ กรอบไม้สีเข้ม/ดำ กรอบโลหะสีทอง/ดำ หรือกรอบที่เรียบง่ายที่สุด เพื่อขับเน้นตัวภาพ

การจัดวาง: แขวนบนผนังโล่งๆ เพียง 1-2 ชิ้น โดยเว้นพื้นที่ว่างรอบๆ ให้มาก


5. ผ้าตกแต่ง: สัมผัสแห่งความหรูหรา

ทำไมถึงสวยหรู: ผ้าที่มีคุณภาพดี ให้สัมผัสที่แตกต่าง และเพิ่มมิติให้กับห้องได้อย่างนุ่มนวล

เทคนิคการเลือก:

หมอนอิง: เลือกปลอกหมอนอิงที่ทำจาก ผ้าลินิน ผ้าฝ้ายคุณภาพสูง ผ้าไหม หรือ กำมะหยี่ สีพื้น หรือมีเท็กซ์เจอร์ในตัว

ผ้าคลุม: ผ้าคลุมโซฟา หรือผ้าห่มดีไซน์เรียบๆ จาก ผ้าแคชเมียร์ (Cashmere) หรือ ผ้าขนสัตว์ (Wool) จะช่วยเพิ่มความหรูหราและอบอุ่น

ผ้าม่าน: เลือกผ้าม่านเนื้อบางเบา โปร่งแสง อย่างผ้าลินิน หรือผ้าฝ้ายสีขาวนวล/สีเบจ เพื่อให้แสงธรรมชาติเข้ามาได้เต็มที่


6. ของใช้บนโต๊ะ/ชั้นวาง: จัดระเบียบอย่างมีสไตล์

ทำไมถึงสวยหรู: แม้ของใช้เล็กๆ น้อยๆ ก็ต้องดูดีและเป็นระเบียบ

เทคนิคการเลือก:

ถาด: เลือกถาดสำหรับวางของทำจาก หินอ่อน โลหะ หรือไม้เนื้อแข็ง

กล่องเก็บของ: เลือกกล่องที่ทำจาก ไม้ หนัง หรือ เซรามิก ดีไซน์เรียบง่าย

เครื่องเขียน: ปากกาดีไซน์หรูหรา, สมุดโน้ตปกหนัง หรืออุปกรณ์จัดระเบียบโต๊ะที่ทำจากโลหะ/ไม้


7. เพิ่มชีวิตชีวาด้วยสีเขียว: สัมผัสธรรมชาติที่สมบูรณ์แบบ

ทำไมถึงสวยหรู: ต้นไม้ช่วยเพิ่มความสดชื่นและเป็นองค์ประกอบที่ขาดไม่ได้สำหรับสไตล์มินิมอลที่หรูหรา

เทคนิคการเลือก:

ชนิด: เลือกต้นไม้ใบใหญ่ เช่น ยางอินเดีย มอนสเตอร่า ลิ้นมังกร หรือต้นไม้ทรงสูงเพรียวอย่าง ฟิโลเดนดรอน (บางชนิด) ที่ดูแลง่าย

กระถาง: เลือกกระถางที่ทำจาก เซรามิก ผิวเรียบ สีขาว เทา ดำ หรือกระถาง ดินเผา ทรงเรขาคณิต

การแต่งบ้านสไตล์มินิมอลให้สวยหรูดูดีนั้น ไม่ใช่การใช้ของแพงทุกชิ้น แต่คือการ เลือกอย่างฉลาด ลงทุนกับชิ้นสำคัญ และ ใส่ใจในรายละเอียด ตั้งแต่การเลือกวัสดุ ดีไซน์ ไปจนถึงการจัดวางและการจัดระเบียบ เพื่อให้บ้านของคุณเป็นพื้นที่ที่สงบ สบายตา และสะท้อนรสนิยมอันมีระดับได้อย่างแท้จริงค่ะ

3
โพสฟรี / เครื่องมือจัดฟันเด็ก สำหรับเด็ก
« เมื่อ: วันที่ 2 กรกฎาคม 2025, 20:49:05 น. »
เครื่องมือจัดฟันเด็ก สำหรับเด็ก

หลายคนคงทราบกันดีอยู่แล้วว่า การจัดฟันนั้นมีด้วยหลากหลายรูปแบบ ซึ่งการจัดฟันในแต่ละแบบนั้น ก็มีความแตกต่างกันและมีจุดเด่นที่ต่างกัน เพราะปัญหาในเรื่องของลักษณะหรือรูปร่างของฟันในแต่ละคนนั้น มีความแตกต่างกัน จึงมีวิธีการแก้ไขปัญหาที่แตกต่างกันออกไป ดังนั้น การรักษาด้วยการจัดฟันจึงมีหลายรูปแบบ ซึ่งการรักษาก็จะขึ้นอยู่กับการพิจารณาของทันตแพทย์ว่า ผู้เข้ารับการจัดฟัน เหมาะสมที่จะเข้ารับการรักษาด้วยการจัดฟันรูปแบบไหน นอกจากนี้การจัดฟันก็มีเครื่องมือการจัดฟันหลากหลายรูปแบบ ซึ่งก็จะมีความแตกต่างกัน ยกตัวอย่างเช่น การจัดฟันแบบใส ก็จะมีเครื่องมือการจัดฟันที่มีลักษณะเป็นพลาสติกใส มีความบางและสามารถถอดออกได้อย่างง่ายได้

และก็จะมีวิธีการทำงานหรือการเคลื่อนของตัวฟันที่ไม่เหมือนกัน แต่วันนี้ทางคลินิกเราจะมาพูดถึงเครื่องมือการจัดฟันในเด็ก ซึ่งเป็นนวัตกรรมด้านการจัดฟันรูปแบบใหม่ ที่เด็กตั้งแต่อายุ 12-15 ปี สามารถเข้ารับการจัดฟันได้ตั้งแต่อายุยังน้อย ถึงแม้ว่า เครื่องมือจัดฟันแบบถอดได้ ไม่ว่าจะแบบเหล็กติดแน่นหรือแบบใส จะมีข้อดีตรงที่ ผู้เข้ารับการจัดฟันสามารถแปรงฟันได้ง่ายและสังเกตไม่ค่อยเห็น แต่การที่มันถอดเข้าออกได้ ก็กลายเป็นข้อเสีย เพราะถ้าเด็กไม่ยอมสวมใส่ ซึ่งการจัดฟันแบบใสนั้น จะต้องมีวินัยในการใส่เครื่องมือ เพื่อให้ผลการรักษาเป็นไปตามที่ทันตแพทย์กำหนด ในขณะที่เครื่องมือการจัดฟันแบบติดแน่น จะอยู่ในปากตลอดเวลา เด็กเอาออกเองไม่ได้ เพียงแต่คุณพ่อคุณแม่ ต้องคอยกวดขันให้ลูกแปรงฟันให้สะอาด และระวังอย่าให้เครื่องมือหลุดเท่านั้นเอง เพียงเท่านี้การรักษาด้วยการจัดฟันก็จะเป็นประโยชน์แก่สุขภาพช่องปากและฟันสำหรับเด็กเป็นอย่างมากและจะส่งผลดีต่อบุคลิกภาพของบุตรหลานของท่านได้ในอนาคต

สำหรับเครื่องมือการจัดฟันในเด็กนั้น อย่างที่บอกไปแล้ว เด็กและวัยรุ่นส่วนใหญ่จะชื่นชอบสีสันของยางบนเหล็กจัดฟัน สนุกกับการเลือกสีสันยาง จึงทำให้การจัดฟันถือเป็นเทรนด์ยอดฮิตในหมู่วัยรุ่นกันเลยทีเดียว นอกจากจะได้รับความนิยมแล้ว การจัดฟันยังสามารถช่วยทำให้สุขภาพช่องปากและฟันของเราดีขึ้นด้วย และที่สำคัญ เครื่องมือการจัดฟันแบบติดแน่น มีราคาที่ไม่แพง และแทบจะไม่มีข้อจำกัดในการรักษา สามารถเคลื่อนฟันได้หลากหลายมิติ มีประสิทธิภาพของเครื่องมือ ขึ้นอยู่กับความรู้และประสบการณ์ของทันตแพทย์ ในการประยุกต์ใช้งานของเครื่องมือเหล็กแบบติดแน่น จึงเป็นเครื่องมือจัดฟันที่มีความคุ้มค่า ดังนั้นจึงไม่แปลก ที่มันจะได้รับความนิยมมากที่สุด ทั้งนี้เครื่องมือการจัดฟันสำหรับเด็ก ยังมีอีกหนึ่งประเภทนั่นก็คือ เครื่องมือการจัดฟัน EF Line ที่สามารถใช้รักษาได้ตั้งแต่เด็กที่มีอายุ 4-15 ปี ซึ่งเป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพในการปรับเปลี่ยนโครงสร้างของใบหน้าด้วย


ข้อนี้ถือเป็นจุดเด่นของเครื่องมือการจัดฟัน EF Line และนอกจากนี้เครื่องมือการจัดฟัน EF Line ยังสามารถช่วยแก้ปัญหากล้ามเนื้อที่มีการทำงานผิดปกติ ช่วยปรับตำแหน่งของลิ้น รวมถึงจัดการฟันให้อยู่ในตำแหน่งที่ควรจะเป็นตามธรรมชาติอีกด้วย อย่างไรก็ตาม การจัดฟันสำหรับเด็ก พ่อแม่ผู้ปกครองหลายท่าน อาจจะคิดว่าไม่สำคัญ แต่ต้องบอกเลยว่า การดูแลรักษาสุขภาพช่องปากและฟันตั้งแต่อายุยังน้อย ถือว่าเป็นผลดีต่อบุตรหลานของท่าน เพราะการที่เราดูแลรักษาความสะอาดของช่องปากและฟันตั้งแต่ยังเด็ก ก็จะทำให้เรามีลักษณะฟันที่ดีได้

หากพ่อแม่ท่านใด สนใจให้บุตรหลานของท่านเข้ารับการจัดฟันในเด็ก ก็สามารถติดต่อขอคำปรึกษาได้ที่คลินิกได้ เพราะทางเรามีทีมทันตแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญในเรื่องของการจัดฟันในเด็ก มีประสบการณ์มาอย่างยาวนาน และสามารถให้คำปรึกษาแนะนำในเรื่องของสุขภาพช่องปากและฟันของเด็กได้อย่างถูกต้อง เพราะเราอยากให้ทุกคนมีสุขภาพช่องปากและฟันที่ดี และมีรอยยิ้มที่สดใส สมวัย มีฟันที่สามารถบดเคี้ยวอาหารได้อย่างเต็มที่ ทำให้การรับประทานอาหารของลูกน้อยมีความสุขมากยิ่งขึ้น

4
ผ้ากันไฟที่ใช้ในโรงงาน ต้องผ่านมาตรฐานอะไรบ้าง

ผ้ากันไฟที่ใช้ในโรงงานอุตสาหกรรมควรผ่านมาตรฐานที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยจากอัคคีภัย เพื่อให้มั่นใจได้ว่าผ้ากันไฟมีคุณภาพและประสิทธิภาพในการป้องกันไฟได้อย่างเหมาะสม โดยมาตรฐานที่เกี่ยวข้องมีดังนี้:

1. มาตรฐานสากล

UL (Underwriters Laboratories):
เป็นองค์กรอิสระที่ทดสอบและรับรองผลิตภัณฑ์ด้านความปลอดภัย รวมถึงผ้ากันไฟ
มาตรฐาน UL เกี่ยวข้องกับคุณสมบัติการทนไฟ การลามไฟ และความปลอดภัยโดยรวมของวัสดุ

FM (FM Approvals):
เป็นองค์กรที่ทดสอบและรับรองผลิตภัณฑ์ด้านการป้องกันอัคคีภัย โดยเน้นที่การป้องกันความเสียหายต่อทรัพย์สิน
มาตรฐาน FM เกี่ยวข้องกับประสิทธิภาพการป้องกันไฟ การทนความร้อน และความทนทานของวัสดุ

NFPA (National Fire Protection Association):
เป็นองค์กรที่กำหนดมาตรฐานและแนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับการป้องกันอัคคีภัย
มาตรฐาน NFPA เกี่ยวข้องกับการทดสอบวัสดุ การติดตั้ง และการใช้งานผ้ากันไฟอย่างปลอดภัย

2. มาตรฐานยุโรป (EN)

EN 11611:
มาตรฐานสำหรับเสื้อผ้าป้องกันที่ใช้ในงานเชื่อมและกระบวนการที่เกี่ยวข้อง
เกี่ยวข้องกับการป้องกันสะเก็ดไฟและความร้อนจากการเชื่อม

EN 11612:
มาตรฐานสำหรับเสื้อผ้าป้องกันความร้อนและเปลวไฟ
เกี่ยวข้องกับการป้องกันความร้อนจากการแผ่รังสี ความร้อนจากการสัมผัส และเปลวไฟ

3. มาตรฐานอื่นๆ

นอกจากมาตรฐานสากลและยุโรปแล้ว อาจมีมาตรฐานเฉพาะของแต่ละประเทศหรืออุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับผ้ากันไฟ

4. ข้อควรพิจารณาเพิ่มเติม

การรับรองผลิตภัณฑ์:
ควรเลือกซื้อผ้ากันไฟที่มีการรับรองจากหน่วยงานที่เชื่อถือได้
ตรวจสอบฉลากสินค้าเพื่อดูข้อมูลเกี่ยวกับมาตรฐานและการรับรอง

การทดสอบวัสดุ:

ผู้ผลิตควรมีการทดสอบวัสดุตามมาตรฐานที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้มั่นใจในคุณภาพของผลิตภัณฑ์
ผลการทดสอบควรมีข้อมูลเกี่ยวกับคุณสมบัติการทนไฟ การลามไฟ และความทนทานของวัสดุ
การเลือกใช้ผ้ากันไฟที่ผ่านมาตรฐานที่เกี่ยวข้องจะช่วยให้มั่นใจได้ว่าผ้ากันไฟมีคุณภาพและประสิทธิภาพในการป้องกันอัคคีภัยได้อย่างเหมาะสม

5
ปล่อยรถราคาพิเศษ BMW 330e M Sport Plug-in Hybrid ปี 2023 มีโปรโมชั่นพิเศษมากมาย

BMW 330e M Sport Plug-in Hybrid ปี 2023 เป็นส่วนหนึ่งของ BMW 3 Series G20 (โฉมปัจจุบัน) ที่ได้รับการปรับโฉม (LCI - Life Cycle Impulse) โดยเฉพาะรุ่นปี 2023 นี้ ได้รับการอัปเกรดในหลายจุดเพื่อให้ทันสมัยและน่าสนใจยิ่งขึ้น โดดเด่นด้วยการผสมผสานสมรรถนะการขับขี่สไตล์ BMW เข้ากับประสิทธิภาพของระบบ Plug-in Hybrid

หมายเหตุ : รายละเอียดของรถยนตอ์าจมีการเปลี่ยนแปลงภายหลัง

รถผู้บริหาร รถทดลองขับ ไมล์น้อย ราคาและโปรโมชั่นพิเศษ

โปรโมชั่นพิเศษ
ตั้งแต่ 10 มิ.ย. - 30 มิ.ย. 2568
Warranty / Bsi ถึง 03/2028
Service ตามระยะ

ราคาพิเศษ 1,920,000 บาท

สนใจสอบถา มรายละเอียดกดลิ้ง https://www.checkraka.com/flashdeal/car

สมรรถนะ Plug-in Hybrid:

เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ BMW TwinPower Turbo ขนาด 2.0 ลิตร ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า
กำลังรวมสูงสุด (System Output): 215 kW (292 แรงม้า)
แรงบิดรวมสูงสุด (System Torque): 420 นิวตันเมตร
จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ Steptronic Sport 8 จังหวะ พร้อม Paddle Shift
อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม.: ประมาณ 5.9 วินาที
ความเร็วสูงสุด: 230 กม./ชม.


6
โพสฟรี / หมอประจำบ้าน: รังแค (Dandruff/Seborrhea/Pityriasis capitis)
« เมื่อ: วันที่ 29 มิถุนายน 2025, 21:50:39 น. »
หมอประจำบ้าน: รังแค (Dandruff/Seborrhea/Pityriasis capitis)

รังแค หมายถึง เกล็ดสีขาวบนหนังศีรษะ ซึ่งจะหลุดร่วงเมื่อแปรงหรือหวีผม เป็นสิ่งที่พบได้ในคนกว่าร้อยละ 50 โดยเฉพาะอย่างยิ่งจะเป็นมากในช่วงอายุประมาณ 20 ปี

การมีขี้รังแคมากไม่ถือว่าเป็นโรค และไม่ทำให้เกิดความผิดปกติของเส้นผมหรือการอักเสบของหนังศีรษะแต่อย่างใด

สาเหตุ

เกล็ดรังแคเกิดจากหนังศีรษะชั้นบนสุด (ชั้นขี้ไคล) ที่ตายแล้วและหลุดออกมาตามธรรมชาติ ผมบนศีรษะอาจจะรบกวนกระบวนการหลุดลอกของชั้นขี้ไคล ทำให้มีเกล็ดหรือขุยเกิดขึ้น เนื่องจากภาวะนี้พบมากในวัยรุ่น จึงเชื่อว่าอาจเกิดจากการกระตุ้นของฮอร์โมนแอนโดรเจนและการทำงานของต่อมไขมัน และอาจเกี่ยวข้องกับกรรมพันธุ์ นอกจากนี้ยังพบว่า ผู้ที่มีรังแคมากจะมีปริมาณของเชื้อรามาลัสซีเซียเฟอร์เฟอร์ (Malassezia furfur) มากกว่าคนปกติ ซึ่งสันนิษฐานว่าอาจเป็นสาเหตุของการเกิดรังแคได้

อาการ

เป็นเกล็ดหรือขุยสีขาวหรือเทาเงิน ขนาดเล็ก ๆ อาจเป็นขุยละเอียด หรือเป็นแผ่น อาจเป็นเพียงแห่งเดียวหรือหลายแห่ง หรืออาจเป็นทั้งหนังศีรษะก็ได้ เกล็ดรังแคจะติดค่อนข้างแน่นบนหนังศีรษะ และจะหลุดร่วงก็ต่อเมื่อแปรงหรือหวีผม หรือเมื่อถูกลมพัด

ความรุนแรงของรังแคจะแปรผันไม่แน่นอนในแต่ละช่วง โดยที่ไม่ทราบสาเหตุ บางรายอาจมีอาการคันร่วมด้วย

ภาวะแทรกซ้อน

ไม่มีภาวะแทรกซ้อนร้ายแรง นอกจากทำให้รำคาญและเสียบุคลิกภาพ

การวินิจฉัย

แพทย์จะวินิจฉัยจากอาการและสิ่งตรวจพบ

การรักษาโดยแพทย์

แพทย์จะแนะนำให้สระผมด้วยแชมพูที่มีตัวยารักษารังแค เช่น ซีลีเนียมซัลไฟด์ (selenium sulfide), ซิงค์ไพริไทโอน (zinc pyrithione), น้ำมันดิน (coal tar เช่น ทาร์แชมพู) ใช้สระผมสัปดาห์ละ 2-3 ครั้ง ควรสระทิ้งไว้นาน 5-15 นาที แล้วค่อยล้างออก นอกจากนี้อาจใช้แชมพูคีโตโคนาโซล ซึ่งมีฤทธิ์ฆ่าเชื้อรา สระผมก็ได้ผลเช่นกัน

ถ้าได้ผล ควรใช้แชมพูดังกล่าวไปเรื่อย ๆ หากหยุดใช้อาจกลับมีขี้รังแคได้อีก

ในรายที่ใช้แชมพูดังกล่าว 2 สัปดาห์แล้วยังไม่ได้ผล หรือหนังศีรษะมีลักษณะอักเสบ หรือมีอาการผิดปกติอื่น ๆ ที่สงสัยว่าอาจเป็นโรคผิวหนังชนิดอื่น ๆ จะทำการตรวจหาสาเหตุอื่น ๆ เพิ่มเติม

การดูแลตนเอง

หากมีรังแคมาก ให้สระผมด้วยแชมพูที่มีตัวยารักษารังแค เช่น ซีลีเนียมซัลไฟด์ (selenium sulfide), ซิงค์ไพริไทโอน (zinc pyrithione), น้ำมันดิน (coal tar เช่น ทาร์แชมพู) ใช้สระผมสัปดาห์ละ 2-3 ครั้ง ควรสระทิ้งไว้นาน 5-15 นาที แล้วค่อยล้างออก

ควรปรึกษาแพทย์ ถ้าใช้แชมพูรักษารังแคแล้วไม่ได้ผล หรือสงสัยเป็นโรคผิวหนังอักเสบชนิดเกล็ดรังแค (เซ็บเดิร์ม) หรือโรคผิวหนังอื่น ๆ

การป้องกัน

หมั่นสระผมด้วยแชมพูที่มีตัวยารักษารังแคเป็นประจำ

ข้อแนะนำ

ผู้ที่มีอาการรังแคที่ศีรษะที่เป็นเรื้อรัง หรือเป็นมากกว่าปกติ อาจเป็นโรคผิวหนังอักเสบชนิดเกล็ดรังแค หรืออาการแรกเริ่มของโรคโซริอาซิสก็ได้ หากสงสัยควรปรึกษาแพทย์ เพื่อยืนยันการวินิจฉัยและให้การรักษาที่ถูกต้องต่อไป

7
จัดฟันบางนา: จัดฟันใส เน้นความสวยงามระหว่างการจัดฟัน จริงหรือ ?

การจัดฟันแบบใส เป็นการรักษาทางทันตกรรมอย่างหนึ่งที่ต้องบอกได้รับความนิยมมากในปัจจุบัน เพราะการจัดฟันแบบใสนั้น ช่วยทำให้เรามีฟันที่สวยงาม ถึงแม้ว่ากำลังเข้ารับการจัดฟันอยู่ การจัดฟันแบบใส เน้นในเรื่องของความสวยงามของฟัน ด้วยการนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยในการรักษา และยังทำให้ผู้เข้ารับการรักษาสามารถออกแบบรอยยิ้มได้ด้วย เพราะเรื่องของรอยยิ้ม ถือเป็นสิ่งที่สำคัญที่จะช่วยทำให้เรามีบุคลิกภาพที่ดี ช่วยทำให้เรามั่นใจมากยิ่งขึ้น หลายคนที่เคยเข้ารับการจัดฟันแบบทั่วไป แล้วอยากที่จะเข้ารับการจัดฟันแบบใส คงจะสัมผัสได้ถึงความแตกต่างระหว่างการจัดฟันแบบทั่วไปและการจัดฟันแบบใส เพราะการจัดฟันแบบทั่วไปนั้น ทำให้เรามีอุปสรรคในการใช้ชีวิตประจำวัน เพราะการจัดฟันในรูปแบบนี้ส่งผลกระทบต่อการพูด การรับประทานอาหารและการทำความสะอาดช่องปากและฟัน

จะทำให้ผู้เข้ารับการจัดฟัน สามารถทำความสะอาดได้ยาก และอาจจะไม่ทั่วถึง แต่การจัดฟันแบบใสนั้น เราวามารถถอดเครื่องมือการจัดฟันออกได้ ขณะแปรงฟัน ดังนั้นจึงทำให้การแปรงฟันมีประสิทธิภาพมากขึ้น ทำความสะอาดได้ทั่วถึงมากขึ้น เพราะฉะนั้น การจัดฟันแบบใสยังช่วยส่งเสริมในเรื่องของสุขถาพช่องปากและฟันของผู้เข้ารับการจัดฟันได้ด้วย ซึ่งการจัดฟันแบบใสนั้น มีเสน่ห์ที่น่าสนใจอีกอย่างหนุ่งก็คือ การที่ผู้เข้ารับการจัดฟัน สามารถมีรอยยิ้มที่สวยงาม มีฟันที่เรียงตัวอย่างสวยงามเป็นธรรมชาติ ถึงแม้ว่าจะอยู่ในระหว่างการจัดฟัน เพราะเครื่องมือการจัดฟันที่มีความใส สามารถทำให้คนอื่นมองออกได้ยากว่าเรากำบังเข้ารับการจัดฟันหรือสวมใส่เครื่องมืออยู่ นี่ถือเป็นข้อดี และตอยโจทย์สำหรับใครที่ต้องใช้บุคลิกภาพในการทำงานเช่น ดารา นักแสดง หรือพิธีกรเป็นต้น

สำหรับวันนี้ทางคลินิก เราจะมาพูดถึงการจัดฟันใส ที่เน้นในเรื่องของความสวยของฟันและรอยยิ้มในระหว่างการจัดฟัน ซึ่งต้องบอกว่า ตอบโจทย์การใช้ชีวิตของใครหลายๆคนเลย เพราะปัญหาของคนที่เข้ารับการจัดฟันส่วนใหญ่ มีปัยหาในเรื่องของการยิ้มที่ต้องเห็นเหล็กจัดฟันอยู่ภายในช่องปาก บางคนมองว่าเป็นแฟชั่น เป็นเทรนยอดฮิต แต่หลายคนก้ไม่ชอบที่เวลายิ้มและต้องเห็นเหล็กจัดฟัน เพราะอาจจะทำให้รู้สึกไม่มั่นใจ บางครั้งหลังจากการรับประทานอาหาร อาจจะทำให้เศษอาหารเข้าไปติดอยู่ภายในซอกเหล็ก ยิ่งทำให้รู้สึกเขินอายเข้าไปอีก

ดังนั้น การจัดฟันแบบใส จึงสามารถช่วยแก้ไขปัญหาในเรื่องนี้ได้เป็นอย่างดี  เวลาที่ยิ้มก็มีความมั่นใจเพราะเราสวมใส่เครื่องมือที่มีความใส มองเห็นได้ยาก ซึ่งช่วยทำให้เรามีความมั่นใจเวลาที่เรายิ้ม และยิ่งเรามีฟันที่เรียงตัวกันอย่างสวยงาม ต้องบอกว่าเป็นเรื่องที่ดีมาก เพราะจะช่วยทำให้เรามีรอยยิ้มที่สดใส นอกจากนี้ การเข้ารับการจัดฟันแบบใส ยังช่วยทำให้เราใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างเต็มที่ โดยไม่ต้องกังวลในเรื่องของเครื่องมือการจัดฟันเลย เพราะในขณะที่เรารับประทานอาหาร ผู้เข้ารับการจัดฟันแบบใส สามารถถอดเครื่องมือออกได้ ทำให้สามารถรับประทานอาหารได้อย่างหลากหลายและเต็มที่มากขึ้น ในส่วนของการทำความสะอาดช่องปากและฟัน ก็ยังช่วยทำให้ผู้เข้ารับการจัดฟันแบบใส สามารถแปรงฟันได้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นด้วย ช่วยส่งเสริมในเรื่องของสุขภาพช่องปากและฟันได้อย่างดีเลยทีเดียว

สำหรับใครที่สนใจเข้ารับการจัดฟันแบบใส สามารถติดต่อสอบถามรายละเอียดได้ที่ คลินิกเพราะทางเรามีทีมทันตแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญในด้านทันตกรรมและยังได้รับการรับรองสูงสุดจาก Invisalign ให้สามารถให้บริการจัดฟันแบบใสได้ จึงทำให้ผุ้เข้ารับการรักษามีความมั่นใจและความน่าเชื่อถือว่า หากเข้ารับการจัดฟันแบบใสที่คลินิกคุณจะมีฟันที่เรียงตัวกันอย่างเป็นธรรมชาติ มีสุขภาพช่องปากและฟันที่ดีขึ้นได้อย่างแน่นอน เพราะเราใส่ใจในเรื่องของช่องปากและฟันของทุกคน อยากให้ทุกคนมีฟันที่แข็งแรง เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตให้ดีขึ้น

8
โพสฟรี / มอเตอร์ไซด์ใหม่ 2025: เดโก้ Deco G-Five EV ปี 2024
« เมื่อ: วันที่ 27 มิถุนายน 2025, 14:29:05 น. »
มอเตอร์ไซด์ใหม่ 2025: เดโก้ Deco G-Five EV ปี 2024
79,900 บาท

เดโก้ Deco G-Five EV ปี 2024
Deco G-Five มอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า 2,000W ที่มาพร้อมกับแบตเตอรี่ใหม่ สามารถใส่พร้อมกันได้ 2 ลูก สะดวกในการสับเปลี่ยน เวลาชาร์จ 3 ชม. ความเร็วสูงสุด 80 กม.ชม. ระยะทางสูงสุด 120 กม. (ทดสอบที่ความเร็วเฉลี่ย 35 กม./ชม. ระยะทางที่ได้ขึ้นอยู่กับการบรรทุกน้ำหนักและการขับขี่) ราคา 79,900 บาท

รายละเอียดเบื้องต้น
   แบรนด์            Deco
   รุ่น                 เดโก้ Deco G-Five EV ปี 2024
   ประเภทรถ        Electric - EV
   ปีที่เปิดตัว         2024
   ราคา              79,900 บาท

สเปค
   รูปแบบเกียร์       เกียร์ออโต้
   ระบบเกียร์         เกียร์ออโต้
   รายละเอียดเครื่องยนต์
   ระบบระบายความร้อน
   ระบบสตาร์ท
   ขนาดเครื่องยนต์ (CC)  CC
   แบบเครื่องยนต์
   ระบบจุดระเบิด
   ประเภทน้ำมันเชื้อเพลิง    ไฟฟ้า
   ระบบจ่ายน้ำมัน
   ความจุถังน้ำมัน (ลิตร)     ลิตร
   ระบบกันสะเทือน            ล้อหน้า เทเลสโคปิค, ล้อหลัง โช๊คอัพคู่
   ระบบเบรค                   ล้อหน้า ดิสก์เบรก (), ล้อหลัง ดิสก์เบรก ()
   แบบวงล้อ                    แม็ก
   ขนาดยาง                   ล้อหน้า 110/70-12 47P, ล้อหลัง 110/70-12 47P
   ขนาด (ยาวxกว้างxสูง มม.)   1,800 x 750 x 1,295
   น้ำหนักตัวรถ                     95.50 กก.

9
คอนโดติดรถไฟฟ้า โมทีฟ คอนโด สาทร-วงเวียนใหญ่ ( Motif Condo Sathorn - Wongwian yai)
เริ่มต้น 2.99 ลบ. - 7 ลบ. 

โมทีฟ คอนโด สาทร-วงเวียนใหญ่ ( Motif Condo Sathorn - Wongwian yai)
Motif Condo Greenovative Living Style บรรทัดฐานสำหรับคอนโดที่ทำให้ชีวิตสมบูรณ์ขึ้น คอนโดใกล้รถไฟฟ้า เดินทางสะดวก มาพร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน

 รายละเอียดโครงการ
 ชื่อโครงการ                 โมทีฟ คอนโด สาทร-วงเวียนใหญ่ ( Motif Condo Sathorn - Wongwian yai)
 เจ้าของโครงการ            สันติโชค
 ราคา                         เริ่มต้น 2.99 ลบ. - 7 ลบ.
 ราคาเฉลี่ยต่อตร.ม.        โปรดสอบถามข้อมูลกับทางโครงการ
 ลักษณะทำเล               คอนโดใกล้ขนส่งสาธารณะ
 ความสูงคอนโด             Low Rise (ไม่เกิน 8 ชั้น), High Rise (9 ชั้นขึ้นไป)
 ลักษณะกรรมสิทธิ์         โปรดสอบถามข้อมูลกับทางโครงการ
 ประเภทห้องที่มี           1 ห้องนอน, 2 ห้องนอน
 ขนาดห้องที่มี             ตั้งแต่ 27.55 ถึง 58.35 ตร.ม.
 เนื้อที่ทั้งหมด             3 ไร่ 32 ตร.ว.
 จำนวนตึก                 2 อาคาร
 จำนวนชั้น                7 ชั้น 1 อาคาร 23 ชั้น 1 อาคาร
 จำนวนห้อง              386 ยูนิต ร้านค้า 1 ยูนิต
 ที่จอดรถทั้งหมด       โปรดสอบถามข้อมูลกับทางโครงการ
 ค่าบำรุงส่วนกลาง      โปรดสอบถามข้อมูลกับทางโครงการ
 สาธารณูปโภค         สระว่ายน้ำ, ฟิตเนส, รปภ., กล้องวงจรปิดโครงการ, รถรับส่ง, อื่นๆ (ซาวน่าสตรีม, ไฮสปีดอินเตอร์เนต), สนามเด็กเล่น

 สถานที่ใกล้เคียง
 โซน                   ธนบุรี
 ที่ตั้ง                  219 ถนนอินทรพิทักษ์ แขวงบางยี่เรือ เขตธนบุรี กรุงเทพมหานคร 10600

 ขนส่งสาธารณะ
รถไฟฟ้า:             ใกล้รถไฟฟ้า, รถไฟฟ้าสายสีเขียวอ่อน, สถานีสนามกีฬาแห่งชาติ - บางหว้า(วงเวียนใหญ่)

 สถานที่สำคัญใกล้เคียง
เดอะมอลล์ท่าพระ
โรบินสัน ลาดหญ้า
ซีคอน บางแค
บิ๊กซี ดาวคะนอง
บิ๊กซี อิสรภาพ
บิ๊กซี เพชรเกษม
โรงเรียนศึกษานารี
โรงเรียนซางตาครูสคอนแวนต์
มหาวิทยาลัยสยาม
มหาวิทยาลัยราชภัฎเจ้าพระยา
โรงพยาบาลตากสิน
โรงพยาบาลกรุงธนบุรี 1
โรงพยาบาลพญาไท 3
โรงพยาบาลสมเด็จพระปิ่นเกล้า

10
จัดฟันบางนา: จัดฟันแบบใส ต้องเลือกหมอที่มั่นใจได้

ในเรื่องของสุขภาพช่องปากและฟันที่ดี ถือว่าเป็นสุขอนามัยที่มีความสำคัญมากของคนเรา จะเราจะต้องใช้ช่องปากและฟันในการบดเคี้ยวอาหาร พูดคุย ซึ่งล้วนแต่มีความจำเป้นที่เราจะต้องรักษาความสะอาดให้ดี เพราะถ้ามีปัญหาขึ้นมาแล้ว จะต้องแก้ไขปัญหาในระยะยาว บางรายปล่อยให้ฟันผุและไม่ได้รับการรักษาหรือเข้ารับการถอนฟัน จนทำให้เกิดปัญหาฟันตามมามากมาย นั่นหมายถึงการทำให้เกิดปัญหาในระยะยาวด้วย ทางที่ดีเราทุกคนจะต้องเข้าพบทันตแพทย์เพื่อทำการตรวจฟันเป็นประจำทุกปี

เพื่อที่จะได้มีสุขภาพช่องปากและฟันที่แข็งแรง ลดการเกิดปัญหา ช่วยในเรื่องของบุคลิกภาพด้วย ซึ่งประเด็นที่เราจะมาพูดถึงนี้ก็คือ เรื่องของทันตแพทย์ ที่เราจะเลือกเพื่อการรักษา ซึ่งหลายคนเกิดการฝังใจในเรื่องของหมอฟัน ที่อาจจะทำให้ไม่อยากเข้ารับการรักษา เพราะอาจจะมีประสบการณ์ที่ไม่ดีเกี่ยวกับการทำฟัน ไม่ว่าจะเป็น อาการเจ็บ หรืออาจจะโดนดุ ซึ่งประสบการณ์เหล่านี้ส่งผลต่อทัศนคติของคนด้วย แต่ถ้าหากเรามีปัญหาเกี่ยวกับฟันแล้ว


เราจะทำอย่างไรเพื่อที่จะได้เข้ารับการรักษากับทันตแพทย์ที่เราสามารถไว้วางใจได้ โดยเฉพาะทันตแพทย์จัดฟัน เพราะการจัดฟัน หลายคนคงทราบดีว่า การจัดฟันนั้น เป้นการรักษาระยะยาวที่ค่อนข้างใช้เวลานานพอสมควร แต่ก็ขึ้นอยู่กับปัญหาฟันของแต่ละบุคคลด้วย สำหรับทันตแพทย์ที่เราจะเลือกเข้ารับการจัดฟันแบบใสด้วยนั้น เราจะต้องเลือกทันตแพทย์เราไว้วางใจได้ มีคาวมเชี่ยวชาญและได้รับการรับรองตามมาตรฐาน
 
ซึ่งวันนี้ทางคลินิกของเราจะมาพูดถึงการจัดฟันแบบใส ที่เราจะต้องเลือกทันตแพทย์ที่เรามั่นใจได้ ว่า เราจะได้รับการรักษาที่มีมาตรฐาน มีความปลอดภัย เพื่อที่เราจะได้รับการรักษาที่ดี ซึ่งเราทราบกันดีอยู่แล้วว่า การรักษาด้วยการจัดฟันแบบใส จะเป็นการจัดฟันที่ไร้ลวดเหล็ก ซึ่งประกอบด้วยชุดเครื่องมือจัดฟันแบบใส ถอดได้ โดยเครื่องมือจะออกแบบและผลิตขึ้นมาเฉพาะบุคคล ใส่สบาย ไม่ระคายเคืองปาก และยังสามารถรับประทานอาหาร ทำความสะอาดฟันได้ตามปกติ


ซึ่งนี่เป็นข้อดีที่ทำให้หลายคนเลือกเข้ารับการรักษาด้วยการจัดฟันแบบใส แต่การเข้ารับการจัดฟันแบบใสนั้น ในการเลือกทันตแพทย์จัดฟัน เราจะต้องเลือกทันตแพทย์ที่ผ่านการอบรมทางด้านการจัดฟันแบบใสโดยตรง และต้องผ่านการรับรองจากทาง Invisalign เพื่อให้ทันตแพทย์สามารถให้บริการด้านการจัดฟันแบบใสได้อย่างถูกต้องตามหลักสากล เพื่อที่จะได้รับการรักษาตามมาตรฐานของ Invisalign สำหรับการเลือกทันตแพทย์เราสามารถค้นหาข้อมูลทันตแพทย์ที่เรามั่นใจได้ทางออนไลน์ โดยที่ไม่มีขั้นตอนที่ยุ่งยาก ถือว่าสะดวกสบายมาก เพื่อให้เราได้มั่นใจจริงๆว่า ทันตแพทย์ที่เรามั่นใจนั้น ได้ผ่านการรับรองจากทาง Invisalign แล้วจริงๆ นอกจากจะเป็นการได้เลือกทันตแพทย์แล้ว ยังช่วยรักษาในเรื่องของปลอดภัยได้อีกด้วย อย่างไรก็ตาม เราต้องเลือกสถานการบริการที่มั่นใจมีเครื่องมือที่มีมาตรฐานครบถ้วนด้วย


ทั้งนี้ หากใครสนใจเข้ารับการจัดฟันด้วยการจัดฟันแบบใส สามารถติดต่อขอรับคำแนะนำได้ที่คลินิกเพราะทางเรามีทันตแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญ และประสบการณ์มาอย่างยาวนาน เพื่อให้ผู้เข้ารับการจัดฟันได้รับการบริการที่มีความน่าเชื่อถือ นอกจากนี้ ทางคลินิกเรายังได้รับรองสูงสุดจาก invisalign ให้สามารถให้บริการการจัดฟันแบบใสได้อย่างตามมาตรฐานสากล จึงมั่นใจได้ว่า คุณจะมีฟันที่สวยงาม ช่วยส่งเสริมให้มีบุคลิกภาพที่มั่นใจ มีสุขภาพช่องปากและฟันที่ดีขึ้นได้อย่างแน่นอน เพราะเราอยากให้ทุกคนมีสุขภาพช่องปากและฟันที่ดี มีฟันที่แข็งแรง เรียงตัวกันอย่างสวยงามเป็นธรรมชาติ ทำให้กลับมามีความมั่นใจได้อีกครั้ง

11
หมอออนไลน์: โรคหน้าเบี้ยวครึ่งซีก/เบลล์พัลซี (Bell's palsy/Idiopathic facial paralysis)

โรคหน้าเบี้ยวครึ่งซีกหรือเบลล์พัลซี (โรคกล้ามเนื้อใบหน้าอ่อนแรงครึ่งซีก, อัมพาตใบหน้าครึ่งซีก, อัมพาตเบลล์ ก็เรียก) หมายถึง โรคที่แสดงอาการอัมพาตของกล้ามเนื้อใบหน้าเพียงซีกใดซีกหนึ่ง* ซึ่งเกิดจากเส้นประสาทสมองเส้นที่ 7 (เส้นประสาทใบหน้า) เกิดการอักเสบ บวม โดยไม่ทราบสาเหตุชัดเจน ซึ่งมักมีอาการเกิดขึ้นอย่างฉับพลัน และทุเลาได้ภายใน 2-3 สัปดาห์

พบได้ประมาณ 20-30 รายต่อประชากร 100,000 คนต่อปี พบได้ในคนทุกวัย พบได้บ่อยในกลุ่มอายุ 15-45 ปี

หญิงตั้งครรภ์มีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคนี้มากกว่าคนทั่วไปประมาณ 3 เท่า และมักพบในระยะไตรมาสที่ 3 และระยะ 1 สัปดาห์หลังคลอด

นอกจากนี้ยังพบในผู้ป่วยเบาหวาน ความดันโลหิตสูง โรคภูมิต้านตนเอง (โรคออโตอิมมูน) ผู้ติดเชื้อเอชไอวี การติดเชื้อของทางเดินหายใจ (เช่น ไข้หวัด ไข้หวัดใหญ่) ผู้ที่มีภาวะอ้วน และผู้ที่มีประวัติคนในครอบครัวเป็นโรคนี้ มีความเสี่ยงต่อการเป็นโรคนี้มากกว่าปกติ

*อาการกล้ามเนื้อใบหน้าอ่อนแรง (facial palsy/paralysis) มักเกิดเพียงซีกใดซีกหนึ่ง ส่วนใหญ่เกิดจากโรคหน้าเบี้ยวครึ่งซีก (Bell’s palsy) นอกจากนั้นอาจเกิดจากสาเหตุอื่น ๆ ได้หลายประการ เช่น การบาดเจ็บหรือผ่าตัดที่บริเวณใบหน้า โรคงูสวัดที่บริเวณใบหน้า โรคเรื้อน เนื้องอกบริเวณหู ใบหน้า หรือประสาทหู โรคหลอดเลือดสมองหรือสโตรก เป็นต้น ซึ่งมีผลกระทบต่อการทำงานของประสาทสมองเส้นที่ 7 ทำให้กล้ามเนื้อใบหน้าอ่อนแรงซีกหนึ่ง

สาเหตุ

เกิดจากเส้นประสาทสมองเส้นที่ 7 หรือเส้นประสาทใบหน้า (facial nerve) ที่มาเลี้ยงกล้ามเนื้อใบหน้าไม่ทำงานชั่วคราวโดยไม่ทราบสาเหตุเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งมักเกิดกับเส้นประสาทใบหน้าเพียงข้างใดข้างหนึ่ง ทำให้กล้ามเนื้อใบหน้าข้างนั้นมีอาการอ่อนแรงไปชั่วระยะหนึ่ง

บางรายอาจพบว่ามีความสัมพันธ์กับการติดเชื้อไวรัสเริมชนิด 1 (HSV-1) และเชื้อไวรัสงูสวัด (herpes zoster virus) ทำให้ประสาทสมองเส้นที่ 7 อักเสบ เกิดอาการอัมพาตของใบหน้า โดยอาจไม่พบผื่นตุ่มของโรคเริมหรืองูสวัดขึ้นที่ผิวหนังร่วมด้วย

บางรายอาจมีความสัมพันธ์กับการติดเชื้อไวรัสอื่น ๆ เช่น เชื้อไวรัสไข้หวัด (ไวรัสอะดีโน) เชื้อไวรัสที่ทำให้เกิดไข้หวัดใหญ่ คางทูม หัดเยอรมัน โรคมือ-เท้า-ปาก เป็นต้น

อาการ

อาการมักเกิดขึ้นฉับพลัน โดยผู้ป่วยอยู่ดี ๆ (เช่น นอนตื่นขึ้นมา) ก็สังเกตเห็นปากเบี้ยวข้างหนึ่ง กลืนน้ำหรือบ้วนปากจะมีน้ำไหลออกที่มุมปาก เวลายิงฟันหรือยิ้มกว้าง จะเห็นมุมปากข้างนั้นตก (เนื่องจากขยับไม่ได้แบบอีกข้างที่ปกติ) ตาข้างเดียวกันนั้นจะปิดไม่มิด คิ้วข้างเดียวกันนั้นยักไม่ได้ ลิ้นซีกเดียวกันจะชาและรับรสไม่ได้ หูข้างเดียวกันอาจมีอาการปวดและอื้อ ประสาทหูข้างนั้นไวต่อเสียง (ได้ยินเสียงดังกว่าปกติ) ตาข้างนั้นมีน้ำตาออกน้อย มีอาการตาแห้ง (เนื่องจากต่อมน้ำตาข้างนั้นทำงานได้ไม่ปกติ) หรือปากมีน้ำลายออกน้อย (เนื่องจากต่อมน้ำลายข้างนั้นทำงานได้ไม่ปกติ)

บางรายอาจมีอาการอื่น ๆ ร่วมด้วย เช่น ปวดศีรษะ, เวียนศีรษะ, เคืองตา, พูดไม่ชัด, ดื่มน้ำหรือเคี้ยวอาหารค่อนข้างลำบาก

แต่ผู้ป่วยมีความรู้สึกตัวดี แขนขามีแรงดีและทำงานได้ตามปกติทุกอย่าง และถ้าอยู่เฉย ๆ (ไม่พูด ไม่ยิ้ม ไม่หลับตา หรือยักคิ้ว) ก็จะดูไม่ออกว่าผู้ป่วยมีความผิดปกติ

บางรายอาจมีอาการปวดบริเวณหน้า ขากรรไกร หรือหลังใบหูข้างที่เป็นอัมพาต ซึ่งอาจเริ่มตั้งแต่ก่อนมีอาการอัมพาตปากเบี้ยว 2-3 วัน

บางรายอาจมีอาการกำเริบเมื่อร่างกายมีภาวะภูมิคุ้มกันต่ำเนื่องมาจากความเครียด นอนหลับพักผ่อนไม่พอ ร่างกายไม่สบายหรือได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย บางรายมีอาการคล้ายไข้หวัดนำมาก่อนมีอาการอัมพาตของใบหน้าประมาณ 1 สัปดาห์

ส่วนใหญ่อาการอัมพาตของใบหน้าเกิดเพียงข้างใดข้างหนึ่งเท่านั้น มีน้อยรายมากที่อาจเกิดพร้อมกันทั้ง 2 ข้าง


ภาวะแทรกซ้อน

ภาวะแทรกซ้อนที่อาจพบได้ เช่น ภาวะขาดน้ำ (เนื่องจากดื่มน้ำได้ลำบาก)

ตาข้างที่ปิดไม่มิดอาจเกิดสายพิการ (ตาบอด ตามัว) แทรกซ้อน เนื่องเพราะมีอาการตาแห้ง และมีสิ่งแปลกปลอมเข้าตา หรือผู้ป่วยเผลอใช้นิ้วมือถูหรือขยี้ตา ทำให้กระจกตาอักเสบเป็นแผล

บางรายอาจมีการงอกผิดปกติของเส้นประสาทใบหน้า ทำให้ใบหน้าเกิดการเคลื่อนไหวผิดปกติ (facial synkinesis) เช่น หนังตาปิดเวลายิ้ม คอเกร็งเวลายิ้มหรือผิวปาก ปากกระตุกเวลาหลับตา น้ำตาไหลเวลาเคี้ยวอาหาร กล้ามเนื้อใบหน้าเกร็ง (ทำให้ปวดหน้าและศีรษะ) เป็นต้น

นอกจากนี้ ผู้ที่มีอาการรุนแรงและได้รับการรักษาล่าช้าไป อาจมีอาการหน้าเบี้ยวอย่างถาวร

การวินิจฉัย

แพทย์จะวินิจฉัยจากอาการ ประวัติการเจ็บป่วย และการตรวจร่างกายเป็นหลัก ซึ่งมีสิ่งตรวจพบ ได้แก่ มุมปากตก ตาปิดไม่มิด และยักคิ้วไม่ได้ เพียงข้างเดียว

หากจำเป็นต้องตรวจหาสาเหตุที่เกี่ยวข้อง หรือต้องการแยกจากสาเหตุอื่น (เช่น โรคหลอดเลือดสมอง เนื้องอกสมอง) จะทำการตรวจพิเศษเพิ่มเติม เช่น การตรวจเลือด (เช่น ตรวจระดับน้ำตาลและไขมันในเลือด ตรวจดูโรคติดเชื้อต่าง ๆ เป็นต้น) การถ่ายภาพด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าหรือเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ การตรวจคลื่นไฟฟ้าประสาท (electroneurography) การตรวจคลื่นไฟฟ้ากล้ามเนื้อ (electromyography/EMG) การตรวจหาเชื้อไวรัสเริมและงูสวัด เป็นต้น

การรักษาโดยแพทย์

1. หากตรวจพบว่ามีอาการแขนขาซีกใดซีกหนึ่งมีอาการชาหรืออ่อนแรงร่วมด้วย และตรวจพบว่าเป็นสโตรก (โรคลมอัมพาต หรือโรคหลอดเลือดสมองเฉียบพลัน) แพทย์จะรับผู้ป่วยไว้รักษาในโรงพยาบาล

2. หากตรวจพบว่าเป็นโรคหน้าเบี้ยวครึ่งซีก แพทย์จะทำการประเมินสาเหตุและความรุนแรง และให้การรักษา ดังนี้

    แพทย์จะให้ยาสเตียรอยด์ (เช่น ยาเม็ดเพร็ดนิโซโลน) เพื่อลดการอักเสบและการบวมของเส้นประสาทใบหน้าที่ผิดปกติ ช่วยให้อาการทุเลาได้เร็วขึ้น ซึ่งควรให้ภายใน 72 ชั่วโมงหลังจากเริ่มมีอาการจะได้ผลดี ยานี้ต้องให้แพทย์สั่งใช้เท่านั้น เพราะมีวิธีใช้และข้อควรระวังมาก หากใช้อย่างไม่ถูกต้อง อาจมีผลข้างเคียงร้ายแรงได้
    ในรายที่ตรวจพบว่ามีการติดเชื้อไวรัสเริมหรืองูสวัด แพทย์จะพิจารณาให้ยาต้านไวรัส (เช่น อะไซโคลเวียร์) ร่วมด้วย ซึ่งควรให้ภายใน 72 ชั่วโมงหลังจากเริ่มมีอาการเช่นกัน
    ป้องกันภาวะแทรกซ้อนของตาข้างที่มีอาการปิดไม่มิด โดยให้ผู้ป่วยใช้น้ำตาเทียมหยอดตา ป้องกันไม่ให้ตาแห้ง (หยอดทุก 1-2 ชั่วโมง ระหว่างทำงานหน้าจอคอมพิวเตอร์ อ่านหนังสือ หรือทำกิจกรรมอื่น ๆ), ใช้ยาหยอดตาปฏิชีวนะหยอดตาในเวลากลางวันทุก 2-4 ชั่วโมง และใช้ยาป้ายตาปฏิชีวนะป้ายก่อนนอน เพื่อป้องกันไม่ให้กระจกตาอักเสบเป็นแผล, ควรสวมแว่นตา หรือใช้ฝาครอบตา (eye shield) เพื่อป้องกันฝุ่นหรือแมลงเข้าตา
    ให้ยาบรรเทาปวด (เช่น พาราเซตามอล) ถ้ามีอาการปวดบริเวณใบหน้า
    บางรายแพทย์อาจพิจารณาให้การรักษาทางกายภาพบำบัด เช่น การกระตุ้นการทำงานของกล้ามเนื้อใบหน้าด้วยการสัมผัส (tactile stimulation), การกระตุ้นกล้ามเนื้อใบหน้าด้วยไฟฟ้า (electrical stimulation), การออกกำลังกายกล้ามเนื้อใบหน้าและการฝึกการแสดงสีหน้า, การประคบด้วยความร้อน ประมาณ 15-20 นาที (เพื่อกระตุ้นการไหลเวียนของเลือดไปยังบริเวณเส้นประสาทที่ผิดปกติ ให้ฟื้นตัวได้เร็วขึ้น)

ผลการรักษา ส่วนใหญ่มักจะมีอาการแย่มากขึ้นใน 2-3 วันต่อมาจากวันแรกที่มีอาการ แล้วจะค่อย ๆ ฟื้นตัว จนอาการทุเลาใน 2-3 สัปดาห์ และหายได้สนิทใน 2-6 เดือน

ประมาณร้อยละ 10 อาจมีอาการหน้าเบี้ยวอย่างถาวร ผู้ป่วยกลุ่มนี้มักมีลักษณะของการเป็นอัมพาตของกล้ามเนื้อใบหน้าอย่างเต็มที่ อาการไม่ดีขึ้นใน 3 สัปดาห์ อายุมากกว่า 60 ปี มีอาการปวดรุนแรง พบในผู้ป่วยเบาหวาน ความดันโลหิตสูงหรือหญิงตั้งครรภ์ หรือทดสอบพบว่ามีความเสื่อมของเส้นประสาทใบหน้าอย่างรุนแรง

ประมาณร้อยละ 10 ของผู้ป่วยที่หายดีแล้ว อาจมีอาการกำเริบซ้ำในเวลานับเป็นปี ๆ ต่อมา (อาจเป็นที่ข้างเดิมหรือข้างตรงกันข้ามก็ได้) หากพบก็ควรตรวจให้แน่ชัดเสียก่อนว่าไม่ได้เกิดจากสาเหตุอื่น


การดูแลตนเอง

หากมีอาการอยู่ ๆ มีอาการปากเบี้ยวข้างหนึ่ง กลืนน้ำหรือบ้วนปากมีน้ำไหลออกที่มุมปาก หากมีอาการแขนขาซีกหนึ่งชาหรืออ่อนแรงร่วมด้วย หรือสงสัยว่าเป็นสโตรก (โรคหลอดเลือดสมองเฉียบพลัน) ควรไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาลทันที

ถ้าแขนขาแข็งแรงเป็นปกติดี พบว่าเวลายิ้มกว้างเห็นมุมปากข้างนั้นตก ร่วมกับตาข้างเดียวกันนั้นปิดไม่มิด และคิ้วข้างเดียวกันนั้นยักไม่ได้ และมั่นใจว่าไม่ได้เป็นสโตรก ควรปรึกษาแพทย์ภายใน 24 ชั่วโมง

เมื่อตรวจพบว่าเป็นโรคหน้าเบี้ยวครึ่งซีก (เบลล์พัลซี) นอกจากติดตามการรักษากับแพทย์อย่างต่อเนื่องแล้ว ควรดูแลตนเอง ดังนี้

    กินยา ปฏิบัติตัว และดูแลรักษาตาข้างที่ปิดไม่มิดไม่ให้เกิดภาวะแทรกซ้อน (ด้วยการใช้น้ำตาเทียม ยาหยอดตาและยาป้ายตาปฏิชีวนะ และใช้อุปกรณ์ป้องกันตา) ตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด และบริหารกล้ามเนื้อใบหน้าตามที่นักกายภาพบำบัดแนะนำ
    ประคบน้ำอุ่น โดยใช้ผ้าขนหนูชุบน้ำอุ่นหมาด ๆ ประคบใบหน้า นานครั้งละ 15-20 นาที วันละ 1-2 ครั้ง
    นวดและบริหารกล้ามเนื้อใบหน้า วันละ 1-2 ครั้ง โดยใช้ปลายนิ้วชี้กับนิ้วกลางนวดใบหน้าเบา ๆ วนจากหน้าผากผ่านแก้มลงมาที่คาง ประมาณ 10 นาที หลังจากนั้นทำการบริหารกล้ามเนื้อใบหน้าที่หน้ากระจก โดยทำท่าทางยักคิ้ว ขมวดคิ้ว หลับตาปี๋ ย่นจูมก ทำแก้มป่อง (พยายามไม่ให้ลมลอดออกมา) ไม่ทำปากจู๋ ยิ้มไม่เห็นฟัน ท่าละ 20-30 ครั้ง
    กินอาหารที่ย่อยง่าย (เช่น ข้าวต้ม โจ๊ก ผักต้มเปื่อย หมูหยอง เนื้อปลานุ่ม ๆ ที่เอาก้างออก เป็นต้น) และเคี้ยวอาหารช้า ๆ ให้ละเอียด
    จิบน้ำ นม น้ำผลไม้ เครื่องดื่ม ทีละน้อยบ่อย ๆ ป้องกันไม่ให้ร่างกายขาดน้ำ
    ทำความสะอาดช่องปาก อย่าให้มีเศษอาหารค้างในช่องปาก ทำการแปรงฟันและใช้ไหมขัดฟันทำความสะอาดฟันหลังกินอาหารทุกครั้ง

ควรกลับไปพบแพทย์ ถ้ามีลักษณะข้อใดข้อหนึ่งดังต่อไปนี้

    มีภาวะขาดน้ำ (เนื่องจากดื่มน้ำไม่ได้) หรือกินอาหารไม่ได้
    มีอาการเจ็บตา ตาแดง หรือตามัว
    หลังดูแลรักษานาน 3 สัปดาห์แล้วอาการไม่ดีขึ้น
    มีอาการสงสัยว่าเกิดจากผลข้างเคียงของยา เช่น มีลมพิษ ผื่นคัน ตุ่มพุพอง ตาบวม ปากบวม คลื่นไส้ อาเจียน หรือมีอาการผิดปกติอื่น ๆ

การป้องกัน

ในปัจจุบัน ยังไม่มีวิธีป้องกันที่ได้ผล

ควรผ่อนคลายความเครียด นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ และหมั่นออกกำลังกาย เพื่อให้มีภูมิคุ้มกันแข็งแรง อาจช่วยลดความเสี่ยงต่อการเป็นโรคนี้

ควรหาทางป้องกันไม่ให้เกิดภาวะแทรกซ้อนด้วยการดูแลรักษากับแพทย์อย่างจริงจัง


ข้อแนะนำ

1. โรคหน้าเบี้ยวครึ่งซีก (เบลล์พัลซี) จำเป็นต้องแยกออกจากโรคสโตรก (โรคหลอดเลือดสมองเฉียบพลัน) ให้ชัดเจน เนื่องจากทั้ง 2 โรคนี้มีอาการปากเบี้ยวอย่างฉับพลันเหมือนกัน เนื่องจากมุมปากข้างหนึ่งอ่อนแรงไม่ขยับ เห็นชัดเวลายิ้มกว้าง

โรคหน้าเบี้ยวครึ่งซีก เกิดจากความผิดปกติของเส้นประสาทใบหน้าที่อยู่นอกกะโหลกศีรษะ จึงมีอาการผิดปกติเฉพาะที่ใบหน้าเท่านั้น แขนขาจะแข็งแรง สามารถเดินเหินและทำกิจวัตรต่าง ๆ ได้เป็นปกติ เนื่องจากไม่มีความผิดปกติในสมองแต่อย่างใด

ส่วนโรคสโตรกมีความผิดปกติเกิดขึ้นในสมอง (ส่วนใหญ่เกิดจากหลอดเลือดสมองตีบตัน) จึงทำให้มีอาการอ่อนแรงของใบหน้าและแขนขา เช่น มุมปากตก (ปากเบี้ยว) พูดอ้อแอ้ กลืนลำบาก แขนขาชาหรืออ่อนแรงข้างหนึ่ง เป็นต้น โรคนี้จัดเป็นภาวะฉุกเฉินที่ต้องรีบไปตรวจรักษาที่โรงพยาบาลทันที และรับยาละลายลิ่มเลือด (ที่อุดตันในสมอง) ให้ได้ภายใน 4 ชั่วโมงครึ่ง (270 นาที) นับแต่เริ่มมีอาการเกิดขึ้น จึงจะป้องกันไม่ให้เกิดภาวะรุนแรงได้ (ดูเรื่อง "โรคหลอดเลือดสมอง" เพิ่มเติม)

ข้อแตกต่างที่สำคัญ คือ โรคหน้าเบี้ยวครึ่งซีก นอกจากไม่มีอาการทางสมองดังที่พบในโรคสโตรกแล้ว อาการที่ใบหน้ายังมีลักษณะที่แตกต่างกัน กล่าวคือ โรคสโตรกจะมีอาการอ่อนแรงเฉพาะที่ส่วนล่างของหน้า คือ ปากเบี้ยว (มุมปากตกข้างหนึ่ง) เพียงอย่างเดียว ส่วนบนของใบหน้ายังเป็นปกติ คือยักคิ้ว และปิดตาได้ทั้ง 2 ข้าง ส่วนโรคหน้าเบี้ยวครึ่งซีกจะมีอาการอ่อนแรงของกล้ามเนื้อใบหน้าทั้งส่วนบนและส่วนล่าง จึงมีอาการปากเบี้ยว (มุมปากตกข้างหนึ่ง) ร่วมกับอาการคิ้วข้างเดียวกันนั้นยักขึ้นไม่ได้ และตาข้างเดียวกันนั้นปิดไม่ได้สนิท

2. โรคหน้าเบี้ยวครึ่งซีกพบได้บ่อยในคนทุกวัยทุกเพศ ถึงแม้จะเป็นโรคที่ไม่รุนแรงและหายได้เป็นปกติเป็นส่วนใหญ่ แต่จำเป็นต้องไปพบแพทย์โดยเร็ว เพื่อรับการรักษาด้วยยาลดการอักเสบและการบวมของเส้นประสาทใบหน้าที่ผิดปกติ (รวมทั้งอาจต้องให้ยาต้านไวรัสในผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสบางชนิด) ให้ได้ภายใน 72 ชั่วโมงหลังเริ่มมีอาการ ซึ่งจะช่วยให้ได้ผลดี

ส่วนน้อยอาจมีอาการหน้าเบี้ยวอย่างถาวร หรือมีอาการที่เกิดจากการงอกผิดปกติของเส้นประสาทใบหน้า (facial synkinesis) แทรกซ้อน แพทย์อาจทำการแก้ไขด้วยการฉีดสารโบทูลินัม (botulinum toxin) หรือโบท็อกซ์ (Botox) หรือบางรายอาจทำการแก้ไขด้วยการผ่าตัด

3. โรคนี้จะค่อย ๆ ทุเลาจนดีขึ้นชัดเจนใน 2-3 สัปดาห์ โดยกล้ามเนื้อใบหน้าตอนบนจะเริ่มฟื้นตัวได้ก่อนตอนล่าง กล่าวคือ ผู้ป่วยจะยักคิ้วและปิดตาได้ก่อนที่จะหายปากเบี้ยว ดังนั้น ผู้ป่วยควรเฝ้าสังเกต โดยยักคิ้วและหลับตาทุกวัน ถ้าพบว่าเริ่มทำได้ก็แสดงว่ามีโอกาสหายได้เร็ว

4. การรักษาหลัก ๆ คือวิธีที่กล่าวไว้ในหัวข้อ "การรักษาโดยแพทย์" ส่วนวิธีรักษาอื่น ๆ เช่น การฝังเข็ม (กระตุ้นเส้นประสาทและกล้ามเนื้อ ช่วยให้อาการทุเลาลง), การฝึกควบคุมร่างกายด้วย "เทคนิคไบโอฟีดแบก (Biofeedback ซึ่งช่วยให้ควบคุมกล้ามเนื้อใบหน้าได้ดีขึ้น) ควรให้แพทย์เป็นผู้พิจารณาถึงความจำเป็น และเลือกวิธีรักษาที่เหมาะกับสภาพของผู้ป่วยแต่ละราย

5. อาการหน้าเบี้ยวครึ่งซีก หากมีผื่นงูสวัดปรากฏในบริเวณรอบ ๆ หูข้างเดียวกับใบหน้าซีกนั้น มักเกิดจากการติดเชื้องูสวัด ทำให้มีการอักเสบของประสาทใบหน้าและประสาทหู นอกจากอาการอ่อนแรงของกล้ามเนื้อใบหน้าครึ่งซีกแล้ว ยังมีอาการปวดหู มีเสียงดังในหู วิงเวียน บ้านหมุน คลื่นไส้ หูอื้อ หูตึง ตากระตุก เรียกว่า "กลุ่มอาการแรมเซย์ฮันต์ (Ramsay-Hunt syndrome)" แพทย์จะให้ยาต้านไวรัส (เช่น อะไซโคลเวียร์) และยาเม็ดเพร็ดนิโซโลน เพื่อลดการอักเสบและความรุนแรงของโรค

12
วัสดุที่จะช่วยสร้างประโยชน์ต่อการทำงานของผ้ากันไฟ

วัสดุที่จะช่วยสร้างประโยชน์ต่อการทำงานของผ้ากันไฟไม่ได้หมายถึงแค่ตัวผ้าเอง แต่ยังรวมถึง วัสดุเสริมหรืออุปกรณ์ประกอบ ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งาน ความปลอดภัย ความสะดวกในการติดตั้ง และยืดอายุการใช้งานของผ้ากันไฟในบริบทต่างๆ นี่คือวัสดุสำคัญที่ช่วยเสริมประโยชน์ของผ้ากันไฟ:

1. วัสดุสำหรับการเคลือบผิว (Coatings)

การเคลือบผิวผ้าใยแก้วด้วยสารต่าง ๆ ช่วยเพิ่มคุณสมบัติและประโยชน์อย่างมาก:

ซิลิโคน (Silicone):
ประโยชน์: ลดการระคายเคือง จากใยแก้ว (ไม่คัน), กันน้ำ กันน้ำมัน และสารเคมีได้ดีเยี่ยม, เพิ่มความทนทานต่อการเสียดสีและการฉีกขาด, ทำให้ผิวผ้าเรียบ ทำความสะอาดง่าย และมีความยืดหยุ่นสูง
การใช้งาน: ผ้ากันสะเก็ดไฟ, ฉนวนถอดได้, ม่านกันความร้อน, ผ้าคลุมอุปกรณ์
เวอร์มิคูไลต์ (Vermiculite):
ประโยชน์: ช่วยเพิ่มความสามารถในการทนต่ออุณหภูมิที่สูงขึ้นได้อีก, เพิ่มความทนทานต่อการกระแทกของสะเก็ดไฟที่ร้อนจัด, ทำให้ผ้ามีความหนาและคงรูปมากขึ้น
การใช้งาน: ผ้ากันสะเก็ดไฟสำหรับงานเชื่อมหนัก
โพลียูรีเทน (Polyurethane - PU) / อะคริลิค (Acrylic):
ประโยชน์: เพิ่มความยืดหยุ่นสูงมาก, ทนทานต่อการเสียดสีได้ดี, มักใช้ในผ้าที่ต้องการการพับงอหรือการเคลื่อนไหวบ่อย
การใช้งาน: ท่ออ่อนส่งลมร้อน, ผ้าคลุมที่มีการเคลื่อนไหว

2. วัสดุสำหรับการเย็บและประกอบ (Sewing & Assembly Materials)

เพื่อความแข็งแรงทนทานในการใช้งาน:

ด้ายเย็บทนความร้อนสูง (High-Temperature Sewing Thread):
ประโยชน์: ใช้เย็บขอบผ้า หรือประกอบผ้าหลายชิ้นเข้าด้วยกัน ด้ายต้องทนความร้อนได้สูงเท่าตัวผ้าหรือสูงกว่า เพื่อไม่ให้ตะเข็บแตกเมื่อโดนความร้อน
วัสดุ: ใยแก้ว, สเตนเลสสตีล (Stainless Steel Thread), หรือ Aramid (Nomex, Kevlar)
ผ้าหรือเทปขอบทนความร้อน (High-Temperature Edging/Binding Tape):
ประโยชน์: ใช้หุ้มขอบผ้า เพื่อป้องกันการฉีกขาด การลุ่ยของเส้นใย และเพิ่มความเรียบร้อย
วัสดุ: ใยแก้ว, Aramid (Nomex, Kevlar)

3. วัสดุสำหรับระบบยึดจับ (Fastening Systems)

ช่วยให้การติดตั้งผ้ากันไฟเป็นไปอย่างมั่นคงและสะดวก:

ตาไก่โลหะ (Metal Grommets):
ประโยชน์: ใช้ร้อยเชือก ลวด โซ่ หรือตะขอ เพื่อแขวนหรือยึดผ้ากันไฟได้อย่างมั่นคง ป้องกันไม่ให้ผ้ารูพรุนจากการถูกดึงโดยตรง
วัสดุ: สเตนเลสสตีล หรือโลหะผสมที่ทนสนิมและแข็งแรง
ตะขอเกี่ยว (Hooks) / ห่วงคล้อง (Loops):
ประโยชน์: ใช้ร่วมกับตาไก่หรือเย็บติดกับผ้าโดยตรง เพื่อให้สามารถแขวนหรือยึดผ้ากับโครงสร้างได้ง่ายและรวดเร็ว
วัสดุ: โลหะทนความร้อน, สเตนเลสสตีล

ตีนตุ๊กแกทนความร้อน (High-Temperature Hook & Loop Fasteners - Velcro®):
ประโยชน์: สำหรับฉนวนแบบถอดได้ หรือส่วนที่ต้องการเปิด-ปิดบ่อยๆ ช่วยให้ติดตั้งและถอดออกได้ง่าย รวดเร็ว และไม่ต้องใช้เครื่องมือ
วัสดุ: Aramid หรือเส้นใยพิเศษที่ทนความร้อน

ซิปทนความร้อน (High-Temperature Zippers):
ประโยชน์: คล้ายตีนตุ๊กแก แต่ให้การปิดที่แน่นหนากว่า เหมาะสำหรับฉนวนแบบถอดได้ที่ต้องการการผนึกที่ดี
วัสดุ: โลหะทนความร้อน หรือเส้นใยพิเศษ


4. วัสดุภายในเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ (Internal Reinforcement / Fillers)

สำหรับผ้ากันไฟหรือฉนวนที่ซับซ้อนขึ้น:

เส้นใยเสริมแรง (Reinforcement Fibers):
ประโยชน์: บางครั้งอาจมีการทอเส้นใยแข็งแรงอื่น ๆ เช่น สเตนเลสสตีล (Stainless Steel Wire) ผสมเข้าไปในเนื้อผ้าใยแก้ว เพื่อเพิ่มความทนทานต่อการฉีกขาดและความคงทนต่ออุณหภูมิที่สูงขึ้นอีก
การใช้งาน: ผ้ากันสะเก็ดไฟงานหนัก, ฉนวนที่ต้องการความแข็งแรงสูง
ฉนวนใยแก้ว/เซรามิกไฟเบอร์แบบหนา (Bulk Fiberglass/Ceramic Fiber Insulation):
ประโยชน์: สำหรับฉนวนแบบถอดได้ที่หุ้มอุปกรณ์ร้อน ชั้นในสุดของฉนวนอาจเป็นวัสดุฉนวนแบบหลวมๆ หรือแบบอัดแผ่น เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการกักเก็บความร้อนและป้องกันการถ่ายเทความร้อน

การใช้งาน: ฉนวนหุ้มวาล์ว, ปั๊ม, ท่อไอน้ำ
การเลือกใช้วัสดุเสริมเหล่านี้อย่างเหมาะสมจะช่วยให้ผ้ากันไฟมีประสิทธิภาพการทำงานสูงสุด ปลอดภัย และมีอายุการใช้งานที่ยาวนานในสภาพแวดล้อมที่หลากหลายของโรงงานครับ

13
บริหารจัดการอาคาร: ระบบดับเพลิงในอาคารมีความสำคัญอย่างไรบ้าง?

ระบบดับเพลิงในอาคารเป็นองค์ประกอบสำคัญอย่างยิ่งของโครงสร้างพื้นฐานด้านความปลอดภัย โดยมีบทบาทสำคัญในการปกป้องชีวิต ทรัพย์สิน และการดำเนินงานของอาคารให้พ้นจากอันตรายจากอัคคีภัย ความสำคัญของระบบดับเพลิงสามารถสรุปได้ดังนี้:

1. การปกป้องชีวิตมนุษย์ (Life Safety)
อพยพผู้คนอย่างปลอดภัย: ระบบดับเพลิง เช่น ระบบสัญญาณแจ้งเหตุเพลิงไหม้ จะทำงานทันทีเมื่อตรวจพบสัญญาณเพลิงไหม้ เสียงสัญญาณเตือนภัยจะดังขึ้นเพื่อแจ้งเตือนให้ผู้อยู่อาศัยหรือผู้ใช้งานอาคารทราบถึงเหตุฉุกเฉิน ทำให้มีเวลาเพียงพอในการอพยพออกจากอาคารอย่างปลอดภัยก่อนที่สถานการณ์จะเลวร้ายลง
ควบคุมการลามของไฟ: ระบบดับเพลิงอัตโนมัติ เช่น สปริงเกลอร์ หรือระบบดับเพลิงด้วยสารสะอาด สามารถระงับหรือชะลอการลุกลามของไฟได้ตั้งแต่ต้น ทำให้มีเวลามากขึ้นในการอพยพ และลดความเสี่ยงต่อการติดค้างอยู่ในอาคารที่ถูกไฟไหม้
ลดควันพิษ: ระบบระบายควันและระบบอัดอากาศในเส้นทางหนีไฟช่วยป้องกันไม่ให้ควันไฟและก๊าซพิษแพร่กระจายเข้าไปในเส้นทางอพยพ ทำให้ผู้คนสามารถมองเห็นเส้นทางและหายใจได้สะดวกขึ้นระหว่างการอพยพ


2. การลดความเสียหายต่อทรัพย์สิน (Property Protection)
ระงับเหตุตั้งแต่ต้น: ระบบสปริงเกลอร์หรือระบบดับเพลิงอัตโนมัติอื่นๆ สามารถทำงานได้อย่างรวดเร็วเมื่อตรวจพบความร้อนจากเพลิงไหม้ ทำให้สามารถดับไฟหรือควบคุมเพลิงได้ตั้งแต่ระยะเริ่มต้น ก่อนที่ไฟจะลุกลามสร้างความเสียหายเป็นวงกว้างต่อโครงสร้างอาคาร, อุปกรณ์, เอกสาร และทรัพย์สินมีค่าอื่นๆ
ลดต้นทุนการซ่อมแซม: การควบคุมเพลิงไหม้ได้ตั้งแต่เนิ่นๆ จะช่วยลดความเสียหายโดยรวมลงได้อย่างมาก ซึ่งส่งผลให้ลดค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมอาคารและทรัพย์สินที่ได้รับผลกระทบลงไปได้มากเช่นกัน
ปกป้องข้อมูลสำคัญ: ในอาคารสำนักงานหรือศูนย์ข้อมูล ระบบดับเพลิงด้วยสารสะอาด (เช่น FM-200, Novec 1230) มีความสำคัญอย่างยิ่งในการดับไฟโดยไม่ทำลายอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ หรือข้อมูลสำคัญ ทำให้ธุรกิจสามารถกลับมาดำเนินการได้โดยเร็วที่สุด


3. การรักษาความต่อเนื่องทางธุรกิจและการดำเนินงาน (Business Continuity)
ลดระยะเวลาหยุดชะงัก: หากเกิดเพลิงไหม้และไม่สามารถควบคุมได้ อาคารอาจได้รับความเสียหายอย่างหนักจนไม่สามารถใช้งานได้เป็นเวลานาน ซึ่งหมายถึงการหยุดชะงักของการดำเนินงาน การผลิต หรือการให้บริการ ส่งผลให้ธุรกิจสูญเสียรายได้มหาศาล ระบบดับเพลิงช่วยลดความเสียหาย ทำให้สามารถกลับมาดำเนินงานได้เร็วขึ้น
รักษาชื่อเสียงและภาพลักษณ์: เหตุการณ์เพลิงไหม้ที่รุนแรงอาจส่งผลกระทบอย่างร้ายแรงต่อชื่อเสียงและภาพลักษณ์ขององค์กร การมีระบบดับเพลิงที่มีประสิทธิภาพแสดงให้เห็นถึงความรับผิดชอบและความใส่ใจในความปลอดภัย


4. การปฏิบัติตามกฎหมายและมาตรฐาน (Legal & Regulatory Compliance)
ข้อบังคับทางกฎหมาย: ในประเทศไทย อาคารประเภทต่างๆ มีข้อกำหนดทางกฎหมายและมาตรฐานที่ต้องปฏิบัติตามเกี่ยวกับการติดตั้งระบบดับเพลิง เช่น พรบ. ควบคุมอาคาร, กฎกระทรวง, และมาตรฐานของกรมโยธาธิการและผังเมือง การไม่ปฏิบัติตามอาจนำไปสู่บทลงโทษทางกฎหมาย
เงื่อนไขการประกันภัย: บริษัทประกันภัยมักกำหนดให้มีการติดตั้งและบำรุงรักษาระบบดับเพลิงตามมาตรฐาน เพื่อลดความเสี่ยง การมีระบบที่ได้มาตรฐานอาจส่งผลให้เบี้ยประกันลดลง หรือสามารถเคลมสินไหมได้เต็มที่เมื่อเกิดเหตุ


5. เสริมสร้างความมั่นใจและความอุ่นใจ (Confidence & Peace of Mind)
ความมั่นใจสำหรับผู้ใช้อาคาร: การรู้ว่าอาคารมีระบบดับเพลิงที่ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ จะช่วยเพิ่มความมั่นใจและความอุ่นใจให้กับผู้อยู่อาศัย พนักงาน ลูกค้า และผู้มาติดต่อ
ความรับผิดชอบของเจ้าของอาคาร: การติดตั้งและบำรุงรักษาระบบดับเพลิงที่ได้มาตรฐาน แสดงให้เห็นถึงความรับผิดชอบของเจ้าของอาคารในการดูแลความปลอดภัยของทุกคน
องค์ประกอบหลักของระบบดับเพลิง

โดยทั่วไป ระบบดับเพลิงในอาคารประกอบด้วย:

ระบบสัญญาณแจ้งเหตุเพลิงไหม้ (Fire Alarm System): ตรวจจับและแจ้งเตือน
ระบบหัวกระจายน้ำดับเพลิงอัตโนมัติ (Automatic Sprinkler System): ดับเพลิงอัตโนมัติเมื่อเกิดความร้อน
ระบบท่อยืนและหัวจ่ายน้ำดับเพลิง (Standpipe and Hose System): สำหรับนักดับเพลิงหรือผู้ที่ได้รับการอบรมใช้
เครื่องดับเพลิงแบบมือถือ (Portable Fire Extinguishers): สำหรับดับไฟขนาดเล็ก
ระบบระบายควันและอัดอากาศ (Smoke Control and Pressurization System): ควบคุมการแพร่กระจายควันและรักษาเส้นทางหนีไฟ
ป้ายบอกทางหนีไฟและไฟฉุกเฉิน: นำทางผู้คนออกจากอาคาร

กล่าวโดยสรุป ระบบดับเพลิงไม่ใช่แค่เพียงข้อกำหนดทางกฎหมาย แต่เป็น การลงทุนเพื่อปกป้องชีวิต ทรัพย์สิน และอนาคตของการดำเนินงาน ซึ่งมีความสำคัญอย่างยิ่งยวดต่ออาคารทุกประเภท

14
โรคความดันโลหิตสูง…ภัยเงียบที่ไม่ควรมองข้าม

โรคความดันโลหิตสูง (Hypertension) คือภาวะที่ตรวจพบว่ามีความดันโลหิตอยู่ในระดับสูงผิดปกติ มากกว่าหรือเท่ากับ 140/90 มิลลิเมตรปรอท ส่วนมากมักไม่แสดงอาการ แต่ในบางรายอาจมีอาการเตือน เช่น ปวดมึนท้ายทอย วิงเวียน ปวดศีรษะตุบๆ หากเป็นมานาน หรือความดันโลหิตสูงมากๆ อาจมีอาการเลือดกำเดาไหล ตามัว ใจสั่น มือเท้าชา ฯลฯ ซึ่งผู้ป่วยต้องรีบพบแพทย์ เพื่อรับการรักษาอย่างเหมาะสมและทันท่วงที

ค่าความดันโลหิตแบบไหน? ที่เรียกว่า ‘สูง’

การจำแนกความรุนแรงของโรคความดันโลหิตสูงในผู้ใหญ่ อายุ 18 ปีขึ้นไป

Category                    SBP (มม.ปรอท)           DBP (มม.ปรอท)
Optimal                           < 120     และ             < 80
Normal                     120 – 129     และ/หรือ     80 – 84
High Normal             130 – 139     และ/หรือ     85 – 89
Hypertension ระดับ 1     140 – 159     และ/หรือ     90 – 99
Hypertension ระดับ 2     160 – 179     และ/หรือ     100 – 109
Hypertension ระดับ 3           ≥ 180     และ/หรือ     ≥ 110
Isolated Systolic Hypertension (ISH)     ≥ 140     และ     < 90

 
วิธีการวัดความดันโลหิตที่ถูกต้อง

    ไม่ดื่มชาหรือกาแฟ และไม่สูบบุหรี่ ก่อนทำการวัดความดันโลหิตอย่างน้อย 30 นาที
    หากมีอาการปวดปัสสาวะควรแนะนำให้ไปปัสสาวะก่อน
    ให้นั่งพักบนเก้าอี้ในห้อง ที่เงียบสงบเป็นเวลา 5 นาที
    หลังพิงพนักเพื่อไม่ต้องเกร็งหลัง เท้า 2 ข้างวางราบกับพื้น ห้ามนั่งไขว่ ห้าง ไม่พูดคุยทั้งก่อนหน้าและขณะวัดความดันโลหิต
    วางแขนซ้ายหรือขวาที่จะทำการวัดอยู่บนโต๊ะ โดยให้บริเวณที่จะพัน Arm Cuff อยู่ระดับเดียวกับระดับหัวใจ และไม่เกร็งแขนหรือกำมือในขณะ ทำการวัดความดันโลหิต

การรักษาความดันโลหิตสูง

    ปรับเปลี่ยนพฤติกรรม
    ให้ยาลดความดันโลหิต


การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมลดความดันโลหิตสูง

    ลดน้ำหนักในผู้ที่มีน้ำหนักเกินหรืออ้วน
    ปรับรูปแบบของการบริโภคอาหารเพื่อสุขภาพ
    จำกัดปริมาณเกลือและโซเดียมในอาหาร
    เพิ่มกิจกรรมทางกายหรือการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
    จำกัดหรืองดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
    เลิกบุหรี่


ลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง ใช้หลัก ‘3อ 2ส 1ฟ’

    3อ คือ อาหาร ออกกำลังกาย และอารมณ์
    2ส คือ ไม่สูบบุหรี่และลดการดื่มสุรา
    1ฟ คือ สุขภาพช่องปากและฟัน



15
บ้านติดรถไฟฟ้า เทมโป ไมร์รา พระราม 5-สะพานมหาเจษฎาบดินทร์ฯ (Tempo Myrra Rama 5-Maha Chesadabodindranusorn Bridge)
เริ่มต้น 6.9 ลบ. - 15 ลบ. 

เทมโป ไมร์รา พระราม 5-สะพานมหาเจษฎาบดินทร์ฯ (Tempo Myrra Rama 5-Maha Chesadabodindranusorn Bridge)
เทมโป ไมร์รา โครงการบ้านเดี่ยว-บ้านแฝด สไตล์ Modern European ภายใต้แนวคิด "AROMATIC LIFE MIRACLE OF LIVING สัมผัสความหอมอันน่าอัศจรรย์ของที่อยู่อาศัย" สร้างประสบการณ์รื่นรมย์ในสวนหอมหลากหลาย ใกล้ชิดธรรมชาติ เหมาะกับการพักผ่อน ด้วยการดีไซน์ตั้งแต่ซุ้มทางเข้าโครงการให้เสมือนเปลือกไม้ ผสมผสานกับการสร้างสรรค์สไตล์ยุโรปที่มีความทันยุคสมัย

รายละเอียดโครงการ
 ชื่อโครงการ              เทมโป ไมร์รา พระราม 5-สะพานมหาเจษฎาบดินทร์ฯ (Tempo Myrra Rama 5-Maha Chesadabodindranusorn Bridge)
 เจ้าของโครงการ        บิลท์ แลนด์
 แบรนด์ย่อย               เทมโป
 ราคา                    เริ่มต้น 6.9 ลบ. - 15 ลบ.
 ประเภทบ้าน            บ้านเดี่ยว, บ้านแฝด
 ลักษณะทำเล          บ้านใกล้เมือง
 พื้นที่โครงการ         16 ไร่ 3 งาน 7 ตร.ว.
 จำนวนบ้าน            90 หลัง
 แบบบ้านทั้งหมด      5 แบบ
  เนื้อที่บ้าน            ตั้งแต่ 40 ถึง 81 ตร.ว.
 พื้นที่ใช้สอย          ตั้งแต่ 170 ถึง 282 ตร.ม.
 จำนวนชั้น               2 ชั้น
 หน้ากว้าง            โปรดสอบถามข้อมูลกับทางโครงการ
 จำนวนห้องนอน      ตั้งแต่ 3 ถึง 4 ห้อง
 จำนวนที่จอดรถ      ตั้งแแต่ 2 ถึง 3 คัน
 สาธารณูปโภค       คลับเฮาส์, สระว่ายน้ำ, ฟิตเนส, รปภ., CCTV, อื่นๆ (Meeting room, Relaxing space,)

สถานที่ใกล้เคียง
 โซน        นนทบุรี, บางบัวทอง, บางใหญ่, ปากเกร็ด
 ที่ตั้ง       ถนนบางศรีเมือง ตำบลบางศรีเมือง อำเภอเมืองนนทบุรี จังหวัดนนทบุรี 11000

 ขนส่งสาธารณะ
ใกล้รถไฟฟ้า, รถไฟฟ้าสายสีม่วง, สถานี(บางซื่อ - บางใหญ่)(บางรักน้อยท่าอิฐ)
ใกล้รถไฟฟ้า, รถไฟฟ้าสายสีแดงอ่อน, สถานี(บ้านฉิมพลี - บางซื่อ)(บางซ่อน)
ใกล้ทางด่วน (ทางด่วนศรีรัช)
ใกล้ถนนสายหลัก (ถนนบางศรีเมือง, ถนนราชพฤกษ์, ถนนบางกรวย-ไทรน้อย)

 สถานที่สำคัญใกล้เคียง
1. โรงเรียนปราสาทวิทยานนทบุรี 2.6 กม.
2. แมคโครนครอินทร์ 2.6 กม.
3. โลตัสนครอินทร์ 2.9 กม.
4. โรงเรียนนานาชาติร่วมฤดี ราชพฤกษ์ 3.3 กม.
5. โรงพยาบาลพระนั่งเกล้า 6.3 กม.
6. โรงเรียนอนุบาลเด่นหล้าพระราม 5 7.4 กม.
7. เซ็นทรัลเวสต์วิลล์ 7.9 กม.
8. โรงพยาบาลนนทเวช 10.3 กม.
9. โรงพยาบาลยันฮี 10.6 กม.
10. โรงพยาบาลเกษมราฎร์ ประชาชื่น 10.7 กม.

หน้า: [1] 2 3 ... 25





















































อยากขายของดี
ขายของออนไลน์ยังไงให้มีคนซื้อ
ขายสินค้าไม่สต๊อกสินค้า
เริ่มขายของออนไลน์
รับทำ seo ด่วน
smf โพสฟรี
smf ขายของออนไลน์อะไรดี
smf โพสฟรี
แคปชั่นแม่ค้าออนไลน์ โพสฟรี
โพสฟรีแคปชั่นโพสขายของยังไงให้ปัง
smf แคปชั่นแม่ค้าออนไลน์
ขายของให้ออร์เดอร์เข้ารัว ๆ
smf โพสต์เรียกลูกค้า
โพสต์เรียกลูกค้าโพสฟรี
smf ขายของออนไลน์ให้ปัง
smf โพสต์ขายของ
smf เขียนโพสขายของโดนๆ
แคปชั่นเปิดร้าน โพสฟรี
smf วิธีโพสขายของให้น่าสนใจ
วิธีเพิ่มยอดขาย โพสฟรี
smf เทคนิคเพิ่มยอดขาย
ขายของออนไลน์ยังไงให้มีคนซื้อ
smf เริ่มต้นขายของออนไลน์
ไอ เดีย การขายของออนไลน์
เว็บขายของออนไลน์
เริ่ม ขายของออนไลน์ โพสฟรี
อยากขายของออนไลน์ smf
โพสขายของยังไงให้มีคนซื้อ
smf โพสขายของแบบไหนดี
smf ขายของออนไลน์ที่ไหนดี
เทคนิคการโพสต์ขายของ
smf โพสต์ขายของให้ยอดขายปัง
โพสต์ขายของให้ยอดขายปังโพสฟรี
smf ขายของในกลุ่มซื้อขายสินค้า
ไม่รู้จะขายอะไรดี

เพิ่มยอดขายให้เข้าเป้า
โปรโมทผลักดันยอดขาย
โปรโมทแผนการเพิ่มยอดขายให้ได้ผล
โปรโมทวิธีการวางแผนการเพิ่มยอดขาย
มีลูกค้าเพิ่ม - YouTube
ผลักดันยอดขายโปรโมทฟรี
ประกาศฟรีเพิ่มยอดขาย
ลงประกาศเพิ่มยอดขาย
ฝากร้านฟรีเพิ่มยอดขาย
ลงประกาศฟรีใหม่ ๆ เพิ่มยอดขาย
เว็บประกาศฟรีเพิ่มยอดขาย
Post ฟรี
ประกาศขายของฟรี
ประกาศฟรี
โพส SEO
ลงโฆษณาฟรี
โปรโมทเพจร้านค้า
โปรโมทกระตุ้นยอดขาย
โปรโมทฟรีออนไลน์กระตุ้นยอดขาย
โพสกระตุ้นยอดขาย
วิธีกระตุ้นยอดขาย เซลล์
วิธีแก้ปัญหายอดขายตก
เริ่มต้นขายของ
แหล่งรับของมาขายออนไลน์
ขายของออนไลน์อะไรดี
อยากขายของออนไลน์
ยอดขายไม่ดีควรทำอย่างไร
ยอดขายตกเกิดจากอะไร
ทำไมต้องเพิ่มยอดขาย
ขายฟรี
ยอดการขาย คืออะไร
กลยุทธ์เพิ่มยอดขาย
โพสฟรีการกระตุ้นยอดขาย
เว็บบอร์ดฟรี
โปรโมทฟรี

กลยุทธ์การหาลูกค้าใหม่
ทํายังไงให้ขายของดี ออนไลน์
วิธีการหาลูกค้าของ sale
ทำ SEO ติด Google
ต้องการขาย
ปล่อยเช่า บ้าน คอนโด ที่ดิน
ขายบ้าน คอนโด ที่ดิน
ประกาศฟรี ไม่มี หมดอายุ
เว็บประกาศฟรี ติดอันดับ
ฝากร้านฟรี โพ ส ฟรี
ลงประกาศฟรี กรุงเทพ
ลงประกาศฟรี ทั่วไทย
ลงประกาศโฆษณาฟรี
ลงประกาศฟรี 2023
รวมเว็บลงประกาศฟรี
วิธีหาลูกค้ากลุ่มเป้าหมาย
การหาลูกค้าใหม่ รักษาลูกค้าเก่า
ช่องทางการเข้าถึงลูกค้า
เพิ่มฐานลูกค้าใหม่
รวมเว็บลงประกาศฟรี ล่าสุด
รวมเว็บประกาศฟรี
โพสต์ขายของฟรี
ลงโฆษณาสินค้าฟรี
โฆษณาฟรี
ประกาศฟรี
เว็บฟรีไม่จำกัด
ลงประกาศขาย
เว็บฟรียอดนิยม
โพสโฆษณา
ประกาศขายของ
ประกาศหางาน
บริการ แนะนำเว็บ
ลงประกาศ
รวมเว็บประกาศฟรี
รวมเว็บซื้อขาย ใช้งานง่าย
ลงประกาศฟรี ทุกจังหวัด

โพสขายสินค้าตรงกลุ่มเป้าหมาย
โฆษณาเลื่อนประกาศได้
ขายของออนไลน์
แนะนำ 6 วิธีขายของออนไลน์
อยากขายของออนไลน์
เริ่มต้นขายของออนไลน์
ขายของออนไลน์ เริ่มยังไง
ชี้ช่องขายของออนไลน์
การขายของออนไลน์
สร้างเว็บฟรีประกาศ
เว็บบอร์ด โพสต์ฟรี
ลงประกาศ ซื้อ-ขาย ฟรี
ชุมชนคนไอทีขายสินค้า
ลงประกาศฟรีใหม่ๆ 2023
โปรโมทธุรกิจฟรี
ทําไงให้ลูกค้าเข้าร้านเยอะ ๆ
กลยุทธ์เพิ่มยอดขาย
เคล็ดลับขายของดี
ค้าขายไม่ดีทำอย่างไรดี
งานโพสโปรโมทงาน
ทํายังไงให้ขายของดี ออนไลน์
รวม SMFขายสินค้า
ประกาศฟรีออนไลน์
ลงประกาศ สินค้า
ลงประกาศฟรี เว็บบอร์ด
เว็บบอร์ดขายสินค้าฟรี
ฟรี เว็บบอร์ด แรงๆ
โปรโมทสินค้าฟรี
แจกฟรี รายชื่อเว็บลงประกาศฟรี
โปรโมท Social
โปรโมท youtube
แจกฟรี รายชื่อเว็บ
แจกฟรีโพสเว็บบอร์ดsmf
เว็บบอร์ดsmfโพสฟรี
รายชื่อเว็บบอร์ดขายสินค้าฟรี
หากลยุทธ์เพิ่มยอดขาย